เดินทางมาเกือบ 30 ปี สำหรับภาพยนตร์แอคชั่นแฟรนไชส์ในตำนานอย่าง Mission Impossible หลายคนรวมถึงเราก็เรียกได้ว่าเติบโตมาพร้อมๆ กับภาพยนตร์ชุดนี้เลยก็ว่าได้ และแน่นอนว่าภาพจำของแฟนๆ ทั่วโลกคงหนีไม่พ้นฉากที่อีธาน ฮันท์ (ทอม ครูซ) โรยตัวจากเพดานเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญในสำนักงานสายลับที่มีระบบป้องกันระดับสูงออกไปได้อย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงของดูต่างหน้าอย่างมีดพก ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ในภาคล่าสุดนี้ เราจะมีโอกาสเห็นมีดพกเล่มนั้นอีกครั้ง
Mission: Impossible - The Final Reckoning หรือชื่อไทยว่า มิชชั่น: อิมพอลซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ เป็นภาคต่อที่ 8 ของภาพยนตร์แฟรนไชส์ Mission Impossible และถือเป็นภาคต่อของภาคที่แล้ว (ภาคที่ 7) หรือชื่อภาคเต็มๆ ว่า Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One ที่จบไปอย่างค้างๆ คาๆ เมื่อปี 2023
โดยเนื้อเรื่องในภาคที่ 8 นี้ เริ่มต้นด้วยการตามล่าพิกัดของ “ดิ เอ็นทิตี้” วายร้ายในคราบไวรัสอานุภาพร้ายกาจที่จะก่อสงครามทำร้ายโลกในชั่วพริบตา!
...
นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องราวต่อเนื่องของศัตรูคนสำคัญจากภาคที่แล้วอย่าง กาเบรียล (อีไซ โมราเลส) ที่หวังจะครอบครองและควบคุมไวรัสอย่าง ดิ เอ็นทิตี้ จึงใช้แผนลวงล่อให้อีธานต้องทำภารกิจที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกครั้ง โดยครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ความอยู่รอดของโลกเท่านั้นที่อยู่ในมือของอีธาน แต่ยังมีชะตากรรมของเพื่อนฝูงร่วมอุดมการณ์ของเขาด้วยที่ถูกเอามาวางเดิมพัน
ธีมหลักๆ และเส้นเรื่องโดยรวมยังให้บรรยากาศที่ไม่เปลี่ยนไปมาก ส่วนตัวคิดว่าภาพยนตร์ชุด Mission Impossible เป็นภาพยนตร์สายลับที่มีเนื้อหาและโครงเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะทั้งหลายตัวละคร หลายองค์กร และแน่นอนว่าหลาย “ความลับ” ที่ต้องปิดบังไว้ ซึ่งในภาคนี้ก็เช่นกัน หลายความลับจะถูกเปิดเผย โดยเฉพาะสิ่งที่ตัวละครหลักอย่างอีธานยึดถือมาตลอด
และถึงแม้ว่าจะต้องตั้งใจดูมากๆ เพื่อตามเรื่องให้ทัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดหาย และฟอร์มไม่เคยตกของภาพยนตร์ชุด Mission Impossible นี้คงหนีไม่พ้นแอคชั่นจัดเต็ม และขีดความสามารถของนักแสดงหลักอย่าง ทอม ครูซ ที่ทำให้เราต้องทึ่งแทบทุกภาค ซึ่งในภาคที่ 8 นี้ ตัวละคร อีธาน ฮันท์ ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเหมามาครบ ทั้งใต้น้ำ บนดิน และบนฟ้า!
ทุกสิ่งที่นายเป็น ทุกอย่างที่เคยทำ นำมาสู่จุดนี้
เป็นวลีที่เราได้ยินทุกภาค เอาจริงๆ ครั้งแรกๆ ที่ได้ยิน เราคิดว่าเป็นแค่บทพูดเท่ๆ ของเหล่าตัวละครหลัก แต่ใครจะคิดล่ะว่าในภาคที่ 8 นี้ เราจะได้ค้นพบความหมายและ เบื้องหลังที่แท้จริงของวลีเด็ดนี้
แน่นอนว่า “นาย” จากวลีนี้ก็คือ อีธาน ฮันท์ ตัวละครหลักของเรื่อง สายลับสารพัดหน้าที่ฉีกกฎสายลับแบบเดิมๆ จนในยุคหนึ่ง วิธีการปลอมตัวด้วยการสวมใบหน้าปลอมๆ ของอีกคนทำให้หลายคนอดทึ่งไม่ได้ แถมยังปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามุขปลอมตัวที่ว่าเป็น signature หลักของแอคชั่นแฟรนไชส์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ (เพราะจนถึงภาค 8 แล้ว มุขสับขาหลอกที่ว่านี้ก็ยังมีอยู่)
...
นอกจากนี้ ภารกิจในแต่ละภาคของ Mission Impossible ยังเต็มไปด้วยรายละเอียด และสารพัดสถานการณ์กดดันที่เราอาจไม่เคยได้สัมผัสหรือประสบพบเจอจากหนังสายลับเรื่องอื่นๆ จนต้องยอมรับว่าเอาเข้าจริงแล้ว ไอ้มุขใหม่ๆ สุดผาดโผนที่ว่าก็เป็นอีกเสน่ห์ของแอคชั่นแฟรนไชส์ในตำนานเรื่องนี้
ซึ่งทั้งมุขปลอมตัว และภารกิจผาดโผนที่ว่าจะสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกไม่ได้เลย ถ้าบทของ อีธาน ฮันท์ จะไม่ได้สวมบทโดย ทอม ครูซ นักแสดงระดับเอลิสต์ที่กลายเป็นตำนานของหนังแฟรนไชส์ดังๆ หลายเรื่อง และ Mission Impossible ก็เป็นหนึ่งในนั้น จนเราแยกภาพจำที่มีต่อเขาออกจากคาแรกเตอร์ของอีธานออกจากกันแทบไม่ได้
และในภาคนี้ Mission: Impossible - The Final Reckoning ก็พาเราเหล่าผู้ชมมาถึงบทสรุปของสายลับในตำนานคนนี้ ทั้งภารกิจที่ยังค้างคา เรื่องเก่าๆ ที่ยังไม่เคยได้แก้ไข(หรือแก้ตัว) รวมไปถึงบทสรุปของตัวละครบางตัวที่อาจทำให้แฟนๆ ใจสลาย (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) แต่ถึงกระนั้นภารกิจกู้โลกก็ยังคงมีอยู่ แถมท้าทายกว่าเดิม เพราะมีชีวิตคนนับล้านเป็นเดิมพันกับปฏิบัติการบ้าระห่ำครั้งนี้
...
แอคชั่นเดือด ไม่เกรงใจอายุคนเล่น
ต้องบอกว่า ทอม ครูซ ทำให้เราทึ่งได้เสมอ โดยเฉพาะทุกรอบที่เขากลับมารับบท อีธาน ฮันท์ เพราะดีกรีบู๊ในแต่ละภาคไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคิดว่าภาคนี้ผาดโผนแล้ว ภาคต่อไปคนเขียนและคนเล่นก็ยังไปต่อได้อีก ในภาคที่ 8 นี้ก็เช่นกัน ในน้ำ และบนฟ้า พ่อสายลับของเราก็เหมามาให้หมด แถมไม่มีบาดแผลฉกรรจ์สักจุด!
ในส่วนของเนื้อหา เราคิดว่าถ้ามีเวลาดูภาคก่อนหน้ามาจะดีกว่า เพราะภาคนี้คือภาคจบของภาคที่แล้ว (Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One) แต่จะให้ล้ำกว่านั้นไล่ดูมาตั้งแต่ภาคแรก ก็น่าจะฟินไปอีกแบบ เพราะจะมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ จากภาคก่อนหน้าที่จะไปเสริมในภาคล่าสุดนี้ ให้ดูสนุก และเต็มไปด้วยอรรถรสที่เต็มอิ่มมากขึ้น (และคิดว่าถ้าดูในโรง จอใหญ่ๆ จะฟินที่สุด)
...
ส่วนตัวแล้วเหนื่อยมาก (ฮ่าๆ) เพราะจำเนื้อหาหลักๆ ของภาคก่อนไม่ค่อยได้ แต่ถึงกระนั้น เพราะคุ้นเคยกับเหล่าตัวละครหลักเป็นอย่างดี ผ่านช่วงเวลากดดันมาด้วยกันก็เยอะ เลยทำให้ไม่แตกแถวเท่าไหร่ พอเดาได้เป็นระยะๆ และตามเนื้อเรื่องทันในที่สุด
เราคิดว่าหนังทำได้ดี ทั้งในส่วนของฉากแอคชั่นที่จัดเต็มแบบไม่พัก แต่ที่ทำได้ดีกว่านั้นคือ รายละเอียดปลีกย่อย เล็กๆ น้อยๆ ที่เราเองก็เกือบลืมไปแล้วในภาคก่อนหน้า ก็ถูกวนกลับมาให้เราได้ทบทวนหวนคิดถึงอดีต รวมทั้งตัวละครบางตัวที่จะปรากฏตัวอีกรอบเพื่อรื้อปมในอดีต ซึ่งเราว่าทีมผู้สร้างทำได้ดีที่ผูกเรื่องให้วนกลับมาที่เดิมได้แนบเนียน ไม่ได้ดูเหมือนหมดมุขและเอาของเก่ามาเล่าใหม่ เหมือนกับที่แฟรนไชส์หลายเรื่องเคยประสบมาก่อน
ฉะนั้น หากใครเป็นแฟนตัวยง และยังไม่เบื่อลีลาแอคชั่นผาดโผนของ ทอม ครูซ ก็ขอเรียนเชิญให้มาลุ้นบทสรุปของตัวละคร อีธาน ฮันท์ ไปด้วยกัน ให้มันรู้กันไปสิว่าปฏิบัติครั้งนี้จะสำเร็จในเวลาชั่วพริบตาได้หรือไม่!
จนกว่าจะพบกันใหม่