“ถึงจะเล็กและแตกแยก แต่ก็ยังดีอยู่”


เป็นประโยคของสติทช์ที่ทำเอาเราน้ำตาซึม และก็เป็นอีกครั้งที่ดิสนีย์ทำให้เราประทับใจมาก


ดิสนีย์ไม่มีพัก กลับมาเสิร์ฟไลฟ์แอคชั่นเรื่องล่าสุด ลีโลแอนด์สติทช์ ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างงดงามในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น สำหรับครั้งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ว่าจะมีปรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้เหมาะสมกับเวอร์ชั่นที่เป็นคนจริงๆ เล่น แต่ส่วนตัวคิดว่ามันดีมากๆ ลงตัวและเข้าถึงหัวใจสุดๆ

ลีโลแอนด์สติทช์ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง “ลีโล” (Maia Kealoha) เด็กสาวตัวน้อยผู้หลงทาง และกำลังเผชิญหน้ากับความเหงา และความแปลกแยกในสังคมที่เธออยู่ กับเอเลี่ยนตัวสีฟ้า “สติทช์” (Chris Sanders) หรือ Experiment 626 ที่หนีจากดาวของตัวเองมายังดาวโลก เมื่อสองตัวปัญหามาเจอกัน แน่นอนว่าวายป่วง แต่ในช่วงเวลาอันยากลำบากนี่เองที่ทั้งสองได้ถมช่องว่างในใจของกันและกัน จนเรียกได้ว่าเป็น ครอบครัว (โอฮาน่า) ที่ต่างฝ่ายต่างก็ค้นหาและโหยหามานาน

...

โอฮาน่า (Ohana) หมายถึงครอบครัวที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่สายเลือด และจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง คือธีมหลักของ ลีโลแอนด์สติทช์ ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็นเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น จนถึงเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่น เอาดีๆ จากเวอร์ชั่นแรกเราก็เสียน้ำตากันมาแล้ว เวอร์ชั่นล่าสุดที่เติมเต็มรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ให้ทันยุคสมัย และดูเหตุสมผลมากขึ้น ยิ่งทำให้เราเสียน้ำตาไปกันใหญ่ นับว่าไม่เสียเที่ยวสำหรับผู้กำกับ Dean Fleischer Camp ที่ตั้งใจทำให้ ลีโลแอนด์สติทช์ ในเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่นเป็นแนว “มุกตลกบวกน้ำตา”

แน่นอนว่าจุดเด่นที่สุดของ ลีโลแอนด์สติทช์ เวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่นนี้คงหนีไม่พ้น เนื้อเรื่องที่ยังคงเรียบง่าย แต่ว่าอบอุ่น แถมยังรุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของฮาวาย แต่ที่มองข้ามไม่ได้ และน่าจะเป็นหนึ่งในความสำเร็จของเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นเหล่านักแสดงนำของเรื่อง ที่เคมีเข้ากันดี แถมยังเข้าถึงบทบาทที่ได้รับกันแบบสุดๆ

เริ่มกันที่คนแรก Maia Kealoha ผู้รับบท ลีโล สาวน้อยตัวเอกของเรื่อง ที่สวมบทบาทเด็กสาวหัวรั้นเพราะขาดความรัก ความอบอุ่นได้น่ารักน่าหยิก โดยเฉพาะฉากที่เธอกับสติทช์ได้พูดคุยกันอย่างเปิดอกครั้งแรกเกี่ยวกับความหมายของคำว่า ครอบครัว ทำเอาเราน้ำตาซึม เพราะมันลึกซึ้ง และเข้าถึงใจมากๆ

ที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันคงหนีไม่พ้น Sydney Elizebeth Agudong ผู้รับบท นานี่ พี่สาวของลีโล ที่ส่วนตัวคิดว่าเธอถ่ายทอดความเป็นพี่สาวได้น่ารักและอบอุ่นมากกว่าในเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น แน่ล่ะว่าคงเพราะทีมสร้างปรับรายละเอียดคาแรกเตอร์ของเธอให้ชัดและลึกขึ้น ทำให้เราเห็นปูมหลังและปัญหาที่เธอต้องรับมือ รวมทั้งความสับสนในบทบาทที่เธอควรจะเป็นให้กับน้องสาวคนเดียวอย่างลีโล

...

ตอนที่เราดูเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น เราคิดว่าตัวละคร นานี่ นี่ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ และดูเหมือนว่าสำหรับเราจะเป็นตัวละครที่ไม่มีเสน่ห์มาก แต่สำหรับเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่นนี้ เรารู้สึกว่าตัวละครมีความเป็นมนุษย์ และมีพัฒนาการ ที่สำคัญทำให้เรามองเห็นชัดถึงความรักของเธอที่มีให้กับลีโลอย่างสุดหัวใจ

สุดท้ายคือตัวละครที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องอย่าง สติทช์ ให้เสียงโดย Chris Sanders ผู้เป็นเจ้าของไอเดียริเริ่มของตัวละครนี้ด้วย เอาจริงๆ เราไม่ใช่แฟนคลับสติทช์ แต่สติทช์ในไลฟ์แอคชั่นนี้ทำได้ดีมาก คงต้องยกความดีให้ทีมสร้างที่ทำให้เอลี่ยนสีฟ้าหน้าตาประหลาดนี้ดูน่ารักขึ้นเป็นร้อยเท่า แถมทำเราน้ำตาซึมไปหลายฉาก!

นอกจากเหล่าตัวละครหลักที่มีส่วนสำคัญให้ ลีโลแอนด์สติทช์ เวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่นนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ที่น่าประทับใจมากๆ สำหรับเราคือในเวอร์ชั่นนี้ แก่นหลักหรือธีมหลักของเรื่องอย่าง โอฮาน่า หรือความเป็นครอบครัวมันชัดและมีความหมายขึ้น โดยเฉพาะแง่มุมที่ว่าถึงมันจะเป็นครอบครัวที่ไม่ได้สรรหา หรืออาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แถมยังไม่เพอร์เฟ็คต์ ทั้งแตกแยก ตบตี และเถียงกันตลอดเวลา แต่มันก็ยังดีอยู่ เพราะสุดท้ายความรักจะพาทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกันเสมอ

...

เอาเป็นว่า ลีโลแอนด์สติทช์ เป็นหนังครอบครัวที่น่าดู และไม่น่าพลาดอีกเรื่องของปีนี้ เพราะนอกจากเนื้อหาจะเข้าใจง่าย สิ่งที่แฝงมาก็ยังลึกซึ้งและเข้าถึงได้ง่ายอีก รับรองว่าไม่ต้องอธิบายมาก เพราะโดยรวมมันมีเหตุผลที่รองรับได้ดีอยู่แล้ว แถมยังเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่หลายคนน่าจะเคยประสบพบเจอมาก่อน ที่สำคัญถือเป็นการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัวที่ดี เพราะหลายๆ อย่างในหนังน่าจะนำมาใช้ และพูดคุยกันในครอบครัวได้ ถือเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันด้วย


จนกว่าจะพบกันใหม่

...