ชะตาชีวิตที่เลือกไม่ได้
แต่เราเลือกจะใช้ชีวิตได้
นานแล้วที่ไม่ได้ดูหนังรักดราม่าจากเกาหลี กลัวยิ้มไม่หุบ หรือเสียน้ำตาจนหยุดไม่ได้ แต่สำหรับ Midnight Sun เราว่าเป็นส่วนผสมของการยิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ ที่ลงตัว
อันที่จริงพล็อตเรื่องทำนองนี้ไม่ใ่ช่เรื่องใหม่ เข้าใจว่าเคยทำมาก่อนแล้ว และก็ทำให้เราร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังแทบทุกครั้งที่มีโอกาสได้ดู เรื่องนี้ตอนเข้าโรงเราก็เตรียมใจแล้วนะ ซึ่งก็ไม่ผิดคาด เพิ่มเติมก็คือ มันมีความอิ่มเอมใจเข้ามาด้วย
Midnight Sun หรือชื่อไทย กลางคืนตลอดกาล กลางใจตลอดไป เป็นเรื่อวราวของ อีมีซอล (จองจีโซ) หญิงสาวรักในดนตรีและการร้องเพลง แต่กลับไม่เคยได้โชว์เสียงเพลงของเธอให้ใครฟัง นอกจากพ่อแม่ และเพื่อนสนิท เพราะเธอเป็นโรคแพ้แสงแดดอย่างรุนแรง ชีวิตในแต่ละวันของเธอเริ่มต้นเมื่อแสงอาทิตย์ลับฟ้า และสิ้นสุดเมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทักทอ
แต่ชีวิตของ มีซอล ก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเธอได้พบ มินจุน (ชาฮักยอน) ชายหนุ่มที่ขับรถมาขายผลไม้แถวบ้านของเธอเป็นประจำ เขาทำให้เธออยากมีปาฏิหาริย์ในชีวิต ที่จะได้เดินข้างๆ เขาท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นสักครั้ง
...
แค่คิดตามก็มีน้ำตาแล้ว เราคิดว่าทีมผู้สร้างและทีมเขียนบทก็รู้ถึงเรื่องนี้ดี ถึงเลือกจะทดแทนความเศร้าในชะตาชีวิตของมีซอล ด้วยฉากจีบกันที่เต็มไปด้วยเคมีน่ารักๆ ของเธอกับมินจุน ซึ่งแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยพลัง แน่นอนล่ะว่าเป็นฉากที่น่ารักมากๆ ทำให้เรารู้จักตัวละครอย่างลึกซึ้งในเวลาไม่กี่ฉาก แต่ที่สำคัญกว่าคือการส่งสารที่มากไปกว่าความรักโรแมนติก คือพลังใจและแรงบันดาลใจที่ทั้งสองต่างมีให้กันและกัน
ความรักของทั้งสองผลักดันให้ทั้งสองเลือกเดินหน้าทำตามความฝัน มีซอลที่จะได้ร้องเพลงให้คนทั้งโลกได้ฟัง มินจุนก็ได้พยายามมากขึ้นเพื่อเป็นนักแสดงดาวรุ่ง ซึ่งเราค้นพบว่าแม้จะเป็นแรงผลักในภาพยนตร์ที่เรียบง่าย และค่อนข้าง cliche แต่ก็ลงตัว ช่วยให้เราลืมเลือนเรื่องอาการของมีซอล สภาวะบีบคั้นตรงนั้นที่จะทำให้เราเสียน้ำตา เปลี่ยนเป็นร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจไปกับการใช้ชีวิตของทั้งสองที่ร่วมมือกันพยายามให้ถึงที่สุดตราบใดที่ยังมีชีวิต
อีกองค์ประกอบที่ดีงามของเรื่องนี้ และคงไม่เขียนถึงไม่ได้ คือ เพลงประกอบ ซึ่ง Midnight Sun ได้ อีชานฮยอก จากวง AKMU ดูโอ้ที่กำลังมาแรง มาเป็น Music Director ให้ ซึ่งต้องบอกว่าทำได้ดีมาก ตั้งแต่เพลงแรกที่ได้ยิน จนถึงเพลงปิดท้าย เราเสียน้ำตาให้ไปหลายลิตร!
แน่นอนว่าเสียงร้องของ จองจีโซ (Parasite, The Glory) ทำให้เพลงเพราะขึ้นหลายเท่า แต่เนื้อร้องก็บอกเล่าเรื่องราวของเธอ รวมถึงความรักของเธอได้อย่างดี ทำให้เราเข้าใจปมในใจของเธอ รวมถึงห้วงอารมณ์ในแต่ละช่วงของเธอได้เป็นอย่างดีด้วย และมันก็ทำให้เรื่องรักดราม่าสีหม่น ดูอบอุ่นขึ้นเป็นกอง
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่านักแสดงร่วม ทั้งพ่อแม่ และเพื่อนสนิท ของมีซอล ก็ทำได้ดีมากๆ แม้จะไม่มาก แต่ทั้งสามก็ทำให้เราเข้าใจมุมมองจากคนรอบข้างของผู้ป่วยโรคแพ้แสงแดดมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราจินตนาการไม่ถูกเลยว่าคนที่ต้องเฝ้ามองผู้ป่วยโรคนี้เป็นเวลานาน และน่าจะต้องเตรียมใจมานานแล้ว เขาจะรู้สึกแบบไหนเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ
เอาเป็นว่าภาพรวมหนังดีทีเดียว ส่วนตัวเราคิดว่าไม่เศร้าบีบหัวใจ แต่สร้างแรงบันดาลใจมากกว่า ให้เราใช้พลังชีวิตของเราอย่างดี…ดีที่สุด ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ
เรียกง่ายๆ ว่า Midnight Sun เป็นหนังพล็อตไม่ใหม่ แต่ปรับมุมมองใหม่ให้เราไม่ต้องหดหู่กับโชคชะตาของตัวละคร ไม่ต้องเศร้าจนไปไหนต่อไม่ได้ แต่กลับสร้างแรงบันดาลใจที่ดี ทำให้เรามองเห็นสิ่งดีๆ จากความสูญเสีย มากกว่ามองแต่ด้านเศร้าๆ ที่ในความเป็นจริงเราคงไม่อาจฝืนได้
...
ถ้าใครกำลังเศร้า หรือต้องการกำลังใจ เราว่า Midnight Sun เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว หรือถ้าคิดถึงกลิ่นอายของหนังรักเกาหลี เรื่องนี้ก็มีให้อย่างเต็มเปี่ยม รับรองว่าได้ร้องไห้เคล้าเสียงเพลงเพราะๆ แน่นอน
จนกว่าจะพบกันใหม่