The Conjuring: Last Rites หรือ The Conjuring 4 หนังใหม่น่าดูประจำเดือนกันยายน 2025 ที่จะชวนคอหนังสยองขวัญมาติดตามเรื่องราวภาคจบของตำนานคนเรียกผีที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริง สร้างปรากฏการณ์สุดหลอนบนจอฟิล์มมาตลอดเวลากว่าทศวรรษ และถือเป็นแฟรนไชส์หนังที่ได้รับความสนใจและทำรายได้ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศมาโดยตลอด

เรื่องย่อ The Conjuring: Last Rites (2025)

ภาคนี้ยังคงเล่าเรื่องราวของ เอ็ด วอร์เรน และ ลอร์เรน วอร์เรน นักปีศาจวิทยาชื่อดัง ที่เกิดเหตุการณ์บางอย่างกับครอบครัว จนทำให้ต้องตัดสินใจวางมือจากอาชีพนี้ เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขกับลูกสาว "จูดี้" แต่แล้วพวกเขาก็ต้องหวนกลับคืนสู่วงการปราบผีอีกครั้ง เมื่อ "ครอบครัวสเมิร์ล" กำลังเผชิญหน้ากับความหลอนสุดสะพรึงที่แม้แต่บาทหลวงก็ไม่สามารถจัดการได้ นำไปสู่เรื่องราวพิธีกรรมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเคสที่มีชื่อเสียงที่สุดของพวกเขา

...

รีวิว The Conjuring: Last Rites (2025) คนเรียกผี พิธีกรรมครั้งสุดท้าย

ในที่สุด The Conjuring: Last Rites ก็กลายเป็นบทสรุปภาคสุดท้ายที่ทั้งโลกเฝ้ารอคอย ภาคนี้อาจไม่ใช่หนังที่น่ากลัวที่สุดของแฟรนไชว์ แต่กลับทำหน้าที่เป็น "บทอำลา" ที่อบอวลไปด้วยอารมณ์ร่วมของแฟนๆ ที่ร่วมเดินทางมากับ The Conjuring อย่างยาวนาน

กว่า 12 ปีที่แฟรนไชส์ The Conjuring ได้สร้างชื่อให้กับจักรวาลสยองขวัญร่วมสมัย ไม่เพียงด้วยการออกแบบความน่ากลัวที่ให้คนดูสะดุ้งกับจังหวะ Jump Scare แต่ยังเพราะแก่นเรื่องหัวใจหลักของหนังได้ถ่ายทอดมุมมองเรื่องศรัทธา ความรัก และความผูกพันในครอบครัว อีกทั้งยังสร้างมาจากเหตุการณ์จริงของคดีปราบผีชื่อดังของสองสามีภรรยาอย่าง เอ็ด วอร์เรน และ ลอร์เรน วอร์เรน ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงๆ

สิ่งที่แฟนหนังทุกคนต้องชื่นชมคือการกลับมาของสองสามีภรรยาวอร์เรน การแสดงของทั้งคู่ยังคงเปี่ยมด้วยพลังและเคมีอันเหนียวแน่น สะท้อนทั้งความเชื่อมั่น ความเข้มแข็ง ความอ่อนโยน และการเสียสละในคราวเดียวกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ได้เป็นเพียงฉากหลัง แต่คือหัวใจของเรื่องที่ทำให้ Last Rites แตกต่างจากหนังสยองทั่วไป 

ในภาคนี้เล่าเรื่องราวการเติบโตของลูกสาว "จูดี้" ที่มีสัมผัสพิเศษเช่นเดียวกับแม่ แต่พยายามปิดกั้นตัวเองจากสิ่งเร้นลับเหล่านั้นมาโดยตลอด แต่ชีวิตที่เคยสงบสุขของครอบครัวนี้ ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับเคสหลอนในอดีตที่เคยเกือบจะคร่าชีวิตของจูดี้ไป หนทางเดียวที่จะก้าวข้ามไปได้ก็คือ การหันหน้าสู้อีกครั้งด้วยพลังของความศรัทธาและความรักในครอบครัว โดยจะไปไขปริศนากันที่บ้านของครอบครัวสเมิร์ล ที่เจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย

ในเชิงบรรยากาศ The Conjuring: Last Rites พาเราย้อนกลับไปสู่ยุค 1980s ผ่านโทนสีและองค์ประกอบศิลป์ ทั้งกระจกเก่า วิดีโอเทป และมุมมืดภายในบ้านที่สื่อถึง "อดีตที่ยังตามหลอกหลอน" ซึ่งอ้างอิงจากเรื่องจริงในรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อปี 1986 ซึ่งถูกนำมาตีความใหม่ให้เป็นทั้งคดีเหนือธรรมชาติและการต่อสู้กับความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของสองสามีภรรยาตระกูลวอร์เรน 

ฉากผีโผล่มาแบบหลอนๆ ยังคงเอกลักษณ์ให้แฟนๆ ได้สะดุ้งท่ามกลางบรรยากาศชวนขนลุก แต่ที่น่าสนใจกว่าคือการสอดแทรกอารมณ์และความสัมพันธ์ของครอบครัวเข้าไป ทำให้ความสยองไม่ได้มีแค่เปลือก แต่มีความหมายซ่อนอยู่เบื้องหลัง จึงทำให้ The Conjuring: Last Rites มีทั้งโทนสว่างและโทนมืด ไม่ใช่แค่การเดินหน้าปราบผีอย่างเดียว แต่คือการผสานสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย

...

แต่ก็รู้สึกว่าหนังค่อนข้างมีการปูพื้นเล่าเรื่องที่ค่อนข้างยาวเกินไป พาร์ทปราบผีไปรวมอยู่ในพาร์ทหลังๆ และเมื่อเปิดปมผีก็ไม่ได้ซับซ้อนหรือมีมิติมากนัก ซึ่งอีกหนึ่งสิ่งที่ควรพูดถึงคือบทบาทของ "จูดี้" ลูกสาวของตระกูลวอร์เรน ที่มีพื้นที่ในการแสดงบทบาทมากขึ้นในภาคนี้ แม้จะแอบเสียดายที่คาดหวังให้เธอมีบทบาทมากกว่านี้ แต่แฟนๆ ก็มองว่าไม่แน่ว่า "จูดี้ วอร์เรน" อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ในจักรวาลคอนจูริ่งก็ได้ 

ทั้งนี้ จุดอ่อนของ The Conjuring: Last Rites ก็มีให้เห็นค่อนข้างมาก โดยหนังพยายามใส่รายละเอียดของครอบครัวสเมิร์ลมากเกินไป ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่จำเป็นต่อเนื้อหาหลัก ทำให้ศูนย์กลางของเรื่องหรือตัวละครหลักถูกลดบทบาทลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งโครงเรื่องบางส่วนก็คาดเดาได้ง่ายเกินไป ทำให้ความน่ากลัวลดลงเมื่อเทียบกับภาคที่ผ่านมา ตลอดจนการเล่าเรื่องบางตอนก็ยืดเยื้อเกินจำเป็น เสียจังหวะความเข้มข้นที่ควรจะมี เหมือนหนังเลือกหา "ทางลง" ที่ค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จจนไม่มีอะไรชวนตื่นเต้น

...

อย่างไรก็ตาม หากมองในฐานะบทสรุปของแฟรนไชส์ The Conjuring ก็อาจสื่อได้ว่านี่คือบทอำลาความสะพรึง หากเปรียบทุกภาคที่ผ่านมาเป็นการนั่งรถไฟเหาะทะยานขึ้นฟ้า สำหรับ The Conjuring: Last Rites ก็คงเป็นตอนที่รถไฟเหาะกำลังเดินทางกลับสู่ชานชาลาเพื่อส่งผู้ชมกลับบ้าน พร้อมกับภาพจำของความทรงจำที่เกี่ยวกับความรักและความผูกพันของครอบครัววอร์เรนนั่นเอง

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม