ต้นแบบเมืองพลังงานสะอาด

Sustainability

ความยั่งยืน6 ก.ย. 2568 04:26 น.

สัปดาห์นี้ คอลัมน์ Sustainable together ได้ร่วมคณะไปกับผู้บริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) เพื่อเยี่ยมชมโครงการที่ประสบความสำเร็จจากการจัดสรรทุนของกองทุนฯ ผ่าน “มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะพลังงานสะอาด (Smart Cities–Clean Energy)” ที่จังหวัดเชียงใหม่

เพราะในขณะที่การเมืองมีความไม่แน่นอน เศรษฐกิจของประเทศยังชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ถ้าหากการเปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อรับคำขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 2,750 ล้านบาท มีผู้ยื่นข้อเสนอเข้ามาเต็มวงเงิน ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในเทคโนโลยี นวัตกรรม ด้านการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างมหาศาล

นายรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมากองทุน ได้จัดสรรงบ เพื่อสนับสนุนโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงาน และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการอนุรักษ์พลังงานให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา องค์กรเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร ผู้ประกอบกิจการโรงงานและอาคาร กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และประชาชนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร เกิดผลสำเร็จ ช่วยลดการใช้พลังงานได้ 3,573 ktoe (ตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านบาทต่อปี ระหว่างปี 2557 ถึงปัจจุบัน

ล่าสุด ส.กทอ.ได้ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์บริหารจัดการเมืองเพื่อความยั่งยืน และศูนย์บริหารจัดการชีวมวลแบบครบวงจร รวมถึงตัวอย่างโครงการศึกษาของสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เป็นต้นแบบโครงการ BCG Model หรือการพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติไปพร้อมๆกัน ประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioe conomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

โดยเฉพาะโครงการต้นแบบเมืองอัจฉริยะพลังงานสะอาด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU Smart City–Clean Energy) เป็นหนึ่งใน 6 ต้นแบบที่กองทุน ได้จัดสรรงบ 115,005,500 บาท จัดทำโครงการสนับสนุนการออกแบบเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities–Clean  Energy)

ล่าสุด โครงการประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม มีผลประหยัดพลังงานที่เกิดขึ้นจริงได้ 28.62% หรือ 34,220,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 51.08% หรือ 32,370.68 ตันต่อปี สามารถผลิตพลังงานจากโซลาร์บนหลังคาได้ 19 เมกะวัตต์ ผลิตไบโอแก๊สจากขยะ 0.3 เมกะวัตต์ และมีโรงไบโอแก๊ส (ไขมันจากโรงอาหาร) 0.5 เมกะวัตต์ รวมผลิตพลังงานได้ 19.8 เมกะวัตต์ หรือเทียบเท่ากับ 51.14% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด รวมทั้งมีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และโซลาร์น้ำร้อน 20,000 ลิตรต่อวัน

นอกจากนั้นยังเน้นการเป็นต้นแบบ การจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมครบวงจรให้กับเมืองข้างเคียงได้พัฒนาสู่สังคมสีเขียวแบบอัจฉริยะ ส่งผลต่อชุมชนรอบข้างให้สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่สีเขียวในเมือง มหาวิทยาลัยมีความสะดวกสบายในการสัญจรเพิ่มขึ้น

สำหรับเมืองอัจฉริยะพลังงานสะอาด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้แนวคิด “ทุกสิ่งภายในจะเป็นเรื่องง่าย” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตมหาวิทยาลัย ที่มีความสำคัญในเมืองที่มีผู้ใช้งาน 70,000-80,000 คนต่อวัน มีบริการอัจฉริยะที่นำมาใช้ในงานด้านความปลอดภัย (ใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยพนักงานรักษาความปลอดภัย), สำนักงานอัจฉริยะ, นำขยะมาเป็นพลังงาน (ศูนย์บริหารจัดการชีวมวลแบบครบวงจร), พลังงานสะอาด (การติดระบบโซลาร์ 14 เมกะวัตต์) ขนส่งมวลชนอัจฉริยะ (รถไฟฟ้าฟรี) โดยมีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น การติดอันดับ 50 ของโลกใน SDG Impact Ranking เป็นต้น

หากสกัดบทเรียนความสำเร็จที่เป็นกุญแจสำคัญของตัวอย่างโครงการเมืองอัจฉริยะพลังงานสะอาดแห่งนี้ อาทิ ก่อให้เกิดการมีผลลัพธ์ที่วัดผลได้และโครงการมีประสิทธิภาพ สามารถขยายผลไปยังชุมชนรอบข้าง, ตอบโจทย์ BCG Model เป็นต้น

ดังนั้น ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา หรือองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีสิทธิ์ยื่นข้อเสนอขอรับจัดสรรเงินกองทุน ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเมืองอัจฉริยะพลังงานสะอาดแห่งนี้ สามารถยื่นขอรับการสนับสนุนได้จนถึงวันที่ 17 ก.ย.นี้ ได้ที่ enconfund.go.th


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


SHARE

Follow us

  • |