หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน พิมพ์หน้ากระบี่
"หนุมานหลวงพ่อสุ่น รุ่นแรก" สุดยอดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่นักสะสมสายเครื่องรางต่างหมายปอง หลวงพ่อสุ่น เจ้าอาวาสวัดศาลากุน ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ ผู้มีพลังจิตแก่กล้า เป็นที่เลื่องลือในด้านการปลุกเสกวัตถุมงคลประเภทเครื่องราง โดยเฉพาะ“หนุมาน” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากประสบการณ์มากมายที่ลูกศิษย์ลูกหาเล่าขานต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นวัตถุมงคลของท่านอีกหนึ่งชิ้นที่นักสะสมทั่วประเทศต่างตามหา สำหรับวัตถุมงคลที่ หลวงพ่อสุ่น เจ้าอาวาส วัดศาลากุนท่านได้สร้าง และทำการปลุกเสกเอาไว้ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น มีพุทธคุณที่เข้มขลัง อันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ อีกทั้งยังมีเรื่องราวเล่าขานต่อ ๆ กันมาอีกมากมายหลายเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์
ประวัติ หลวงพ่อสุ่น
หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ หรือ พระอธิการสุ่น วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี เดิมชื่อ "สุ่น" เป็นชาวเกาะเกร็ดโดยกำเนิด แต่ไม่มีการบันทึกประวัติของท่านเก็บไว้ ดูจากปีที่มรณภาพและสิริอายุ ประมาณการว่าน่าจะเกิดในราวปี พ.ศ.2403-2404 เมื่ออุปสมบทได้ฉายา "จันทโชติ" ****ประวัติหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ไม่เป็นที่กระจ่างนัก เล่ากันว่าท่านชื่อ สุ่น นามสกุล ปานกล่ำ เป็นชาวปากเกร็ดโดยกำเนิด เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๐๓ (ปีวอก) เมื่อบวชแล้วได้ฉายาว่า "จันทโชติ" หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ วัดศาลากุน ท่านสร้างหนุมานแจกให้กับลูกศิษย์ไว้คุ้มครองตัวและป้องกันภัย...ถ้าจะถามว่า "หลวงพ่อสุ่น" ท่านร่ำเรียนวิชาพระอาจารย์องค์ใด เรื่องราวของ"หลวงพ่อสุ่น"นั้นไม่เคยมีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คาดว่า ท่านคงบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ ประมาณปี พ.ศ. 2425 ที่วัดศาลากุน เป็นขั้นต้น เริ่มศึกษาพระธรรมวินัย สมถะวิปัสสนา กับพระอาจารย์ที่วัดศาลากุนเป็นขั้นต้น (ซึ่งมีพระอาจารย์ชื้น เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น) หลวงพ่อสุ่น กับหลวงพ่อกลิ่น ท่านเป็นมิตรสหายที่สนิทกันมาก ท่านเคยสนทนากันว่า "เมื่อร่ำเรียนวิชามาแล้ว ก็ต้องทำของแจกชาวบ้านบ้าง" และท่านยังมีความสนิทสนมกับ หลวงปู่ช่วง วัดบางแพรกใต้ อีกด้วย หลวงพ่อสุ่นท่านปฏิบัติตนเหมือนพระที่ศึกษาวิชาอาคมในสมัยอดีต ที่นิยมการธุดงค์เพื่อศึกษาวิชารวมถึงการฝึกสมาธิวิปัสสนาจนเชี่ยวชาญ หลวงพ่อสุ่นท่านปลูกต้นพุดซ้อนไว้ เมื่อเป็นสมภาร ปกครองวัด จึงให้ลูกศิษย์ขุดรากไม้พุดซ้อนตากจนแห้ง (ว่ากันว่าเป็นช่างแทงหยวก) ให้ช่างมีฝีมือแกะเป็นรูปหนุมานทรงเครื่องสวยงามและไม่ทรงเครื่อง หลวงพ่อสุ่น เป็นสหายของ หลวงพ่อกลิ่น วัดสะพานสูง โดยท่านมีอายุมากกว่าหลวงพ่อกลิ่นประมาณ ๕ ปี (เมื่อราว พ.ศ.๒๔๘๑-๒๔๘๒ หลวงพ่อสุ่น มรณภาพ สิริอายุประมาณ ๗๙ ปี ในวันประชุมเพลิงหลวงพ่อสุ่น เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ นั้น หลวงพ่อกลิ่นมาเป็นเจ้าภาพด้วยตัวเอง) หลังจากเรียนวิชาอาคมจากพระอาจารย์ชื้น และบวชบรรพชาที่นี่ ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาส สานต่อความเจริญให้กับวัดจนรุ่งเรือง ทั้งปฏิสังขรณ์เสนาสนะ และสร้างความศรัทธาแก่ชาวบ้าน นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นหนึ่งในพระคณาจารย์ผู้ลงอักขระบนแผ่นทองแดงใช้เป็นมวลสารในการจัดสร้างเหรียญที่ระลึกวัดราชบพิธฯ ครั้งที่ ๔ (พ.ศ.๒๔๘๑)
...
วัตถุมงคลของหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน
“หนุมาน รุ่นแรก” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเครื่องรางอันทรงพุทธคุณสูงสุดของสายพระเครื่องเมืองไทย โดยเฉพาะในสายใต้ ถือเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยพลังจิตและกฤตยาคม เป็นที่เลื่องลือในด้านการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะ “หนุมาน” ที่ขึ้นชื่อในด้านความเข้มขลังและประสบการณ์มากมายจาก ศิษยานุศิษย์ที่เล่าขานสืบต่อกันมา หนุมานรุ่นนี้มีลักษณะเป็นหนุมานไม้แกะด้วยไม้รักและไม้พุดซ้อน นอกจากนี้ยังมีที่แกะด้วย งาช้างหรือเขี้ยวเสือ อีกด้วย งานแกะของท่านจะเป็นงานศิลป์ที่ไม่ซ้ำกัน โดยช่างแกะจะแกะอยู่ 4 แบบ คือ 1.หน้าโขนทรงเครื่อง , 2.หน้าลิงกระบี่ , 3.หนุมานเนื้องาแกะ และ 4.ศิลปะพิมพ์พิเศษ จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้ แต่จากคำบอกเล่าตามประวัติคร่าว ๆ จากลูกศิษย์ของท่านคนนึง เล่าให้ฟังว่า
การปลุกเสกหนุมาน ของหลวงพ่อสุ่นมีความพิเศษ มีความแปลกและพิสดารเป็นอย่างมาก ก่อนที่ท่านจะลงมือทำการปลุกเสกหนุมานในตอนเช้า หลวงปู่สุ่นท่านจะให้ลูกศิษย์ไปตัดต้นไม้ที่มีหนามมาไว้มากๆ (ส่วนมากจะเป็นจำพวกต้นไผ่ ต้นมะขามเทศ ต้นพุทธา เป็นต้น) ส่วนช่วงค่ำท่านก็จะทำวัตรกับพระลูกวัดตามปกติเหมือนทุกวัน หลังจากที่ท่านทำวัตรเสร็จแล้ว ท่านก็จะเข้าไปในกุฏิประมาณหนึ่งชั่วโมงท่านก็จะออกมา พร้อมกับอุ้มบาตรออกมา แล้วเรียกลูกศิษย์ให้อุ้มบาตรเข้าไปในโบสถ์ (ท่านกำชับบอกลูกศิษย์ว่าห้ามเปิดบาตรเด็ดขาด ท่านมักพูดลอย ๆ ว่า "ขี้เกียจจับ") แล้วท่านก็จะกลับมานั่งทำวัตรอีกครั้ง เมื่อทำวัตรเสร็จ หลวงพ่อสุ่น ท่านก็จะนั่งหันหลังให้พระประธานแล้วเอาบาตรตั้งไว้ด้านหน้า จากนั้นก็จะให้ลูกศิษย์นำกิ่งไม้มีหนามที่เตรียมไว้ มาสุมไปที่ตัวท่านให้เต็มจนหาทางเข้า-ออกไม่ได้ ท่านก็จะให้ลูกศิษย์ออกจากโบสถ์ แล้วลั่นกลอนปิดประตูโบสถ์ไว้ และห้ามผู้ใดเข้าออก
ครั้นเมื่อถึงเวลาประมาณตี ๔ ท่านจะเรียกลูกศิษย์ให้เข้าไปในโบสถ์ เพื่อเก็บหนุมานที่ท่านปลุกเสกไว้ติดอยู่กับกิ่งไม้ และหนามที่สุมตัวท่าน ถ้าหนุมานตัวไหนที่หล่นอยู่กับพื้นให้แยกไว้ต่างหาก ท่านว่ายังใช้การไม่ได้เพราะปลุกไม่ขึ้น สิ่งที่คาใจในลูกศิษย์คือ เมื่อตกเย็นในคืนวันเสาร์ — คืนแห่งพลังแรงกล้า ท่านอาราธนาให้พระลูกวัดถือบาตรหนุมานเข้าโบสถ์ก่อน และท่านเองก็เวียนวัตรเสร็จก่อนเข้าไป ปิดประตูหน้าต่างโบสถ์ จนไม่มีใครล่วงรู้ กระทั่งรุ่งเช้า ลูกศิษย์พบว่าหนุมาน “กระโดด” มาอยู่บนกิ่งไม้หนามที่ล้อมท่านไว้ — อย่างราวกับเฝ้าปกปักรักษาท่านด้วยตนเอง ที่น่าตกใจคือ หนุมานขึ้นไปติดกับกิ่งไม้และหนามได้อย่างไร ที่สำคัญท่านออกมาจากกองหนามกิ่งไม้ที่สุมตัวท่านได้อย่างไร โดยทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิมทั้งสิ้น หนุมานของหลวงปู่สุ่นนับเป็นสุดยอดของขลังในชุดเบญจภาคี เป็นเครื่องรางของขลังที่นักสะสมเฝ้าใฝ่หาไว้มาครอบครองบูชาไม่แพ้เขี้ยวเสือแกะของหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย
วิธีการสร้างหลวงพ่อสุ่น
สร้างครั้งแรก (ปี พ.ศ. 2468): จำนวนไม่มาก (น่าจะไม่เกิน 100 ตัว), แกะจากรากพุดซ้อน และแจกในงานบุญของวัดโดยไม่จำหน่าย
ครั้งที่สอง (ปลาย พ.ศ. 2470–2471, แจกในงานทอดกฐินปี พ.ศ. 2472): มีทั้งหน้าโขนและหน้ากระบี่ แกะจากไม้รากพุดซ้อนและงาช้าง ประมาณ 200 ตัว
พิธีกรรมปลุกเสก
ท่านปลูกต้นรักและต้นพุดซ้อนด้วยน้ำมนต์ที่ท่านทำน้ำมนต์รดอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ท่านทำพิธีพลี-สังเวยขุดรากไม้ นำไปตากแดดจนแห้ง โดยตามตำราจะใช้รากที่ชอนไชหันไปทางทิศตะวันออก แล้วให้ช่างแกะเป็นรูปหนุมาน
จากนั้นรวบรวมหนุมานห่อด้วยผ้าขาว ใส่บาตรเพื่อปลุกเสกในกุฏิ, และใน วันเสาร์ — ท่านจะทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถ โดยปิดประตูหน้าต่าง มีเวรยามเฝ้าไม่ให้ใครรบกวน กระทั่งเสร็จท่านจึงแจกจ่ายให้ลูกศิษย์และผู้ร่วมบุญ
...
ตำนานว่า หนุมานที่ปลุกเสกมีพลังจนสามารถ “กระโดด” จากบาตรไปติดกิ่งไม้หนามที่ล้อมตัวท่านได้
หลวงพ่อสุ่น ท่านเรียนวิชาปลุกเสกหนุมาน จากพระนาคทัศน์ ซึ่งมีคาถากำกับหนุมานให้ว่า
ให้ระลึกถึงหลวงพ่อสุ่น
หลวงพ่อสุ่นบทสวด
(ตั้งนะโมฯ 3 จบ)
"นะบังเพลิง โมบังปากกระบอก ยะมิให้ออก อุดธังโธอุด ธังอัด อะสังวิสุโรปุสะพุพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห"
หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน จะเป็นงานที่แกะขึ้นด้วยมือล้วน ๆ ไม่มีบล็อกแม่พิมพ์ การพิจารณาดูว่าแท้หรือไม่จึงต้อง เน้นการอ่านฝีมือช่างให้ออก ส่วนที่ท่านไม่ค่อยได้ทำตะกรุด นั้นสันนิษฐานเป็นไปได้ว่า ท่านไม่ต้องการให้ซ้ำกับสหมิกธรรมร่วมอาจารย์เดียวกันของท่านคือ หลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง เพราะเกจิยุคเก่านั้นท่านถือมากเรื่องการทำทับรอยกัน หรือการทำทับรอยอาจารย์.
จำนวนการสร้างและความหายาก สร้างขึ้นจำนวนน้อยมาก ไม่เกิน 100 องค์ในช่วงแรก
แกะด้วยมือทั้งหมด ไม่มีการใช้พิมพ์หรือหล่อ จึงทำให้แต่ละองค์ “ไม่เหมือนกัน 100%” แต่มีเค้ารูปแบบพิมพ์ ปัจจุบันหลงเหลือในวงการไม่ถึง 50 องค์ และราคาขยับขึ้นเรื่อย ๆ โดยองค์สภาพสมบูรณ์มีคนให้ถึงหลักแสนปลายถึงหลักล้าน
คาถาบูชาหนุมานหลวงพ่อสุ่น (บูชาได้ทุกพิมพ์)
(ตั้งนะโมฯ 3 จบ)
"นะบังเพลิง โมบังปากกระบอก ยะมิให้ออก อุดธังโธอุด ธังอัด อะสังวิสุโรปุสะพุพะ มะอะอุ โอมยะพุทธา ทะโยสตรี สตรี นิสังโห"
...
ชี้ตำหนิ
ลักษณะพิมพ์ หนุมานหน้ากระบี่
ปากเฉาะ แกะทีเดียว ด้วยความชำนาญ เนื้อไม้มีความละเอียด แกะด้วยรากไม้พุด แกะเป็นศิลป์เฉพาะ จำลักษณะการแกะการวางแขน วางมือจับเข่า มีรอยแตก รอยลั่น จากความเก่าของไม้ทำให้พิจารณาได้ง่าย
ลักษณะด้านหลัง แขนซ้ายจะมีลักษณะล่ำกว่าแขนขวา เนื้อไม้มีความละเอียดแกะด้วยรากไม้
แขนขวาจะมีลักษณะลู่ลงและเล็กกว่าแขนซ้ายเป็นเอกลักษณ์และความชำนาญจากความถนัดของผู้แกะ
...
ลักษณะด้านล่างจะเป็นเนื้อไม้ละเอียด เป็นรากพุด รากรัก จะเป็นเนื้อละเอียด
คอลัมน์ : หยิบกล้องส่องพระ by โทน บางแค
Line : @tone8888
เพจ : โทน บางแค FC.