แกร็บเผยตัวเลขที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ 1% ของ GDP คนขับ 99% มีรายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ

แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลจากรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 (ESG Report 2024) ซึ่งระบุถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของแพลตฟอร์ม โดยคนขับและผู้ประกอบการร้านค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีรายได้รวมผ่านแพลตฟอร์มประมาณ 4.2 แสนล้านบาท (1.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ในรายงานความยั่งยืนของแกร็บระบุว่า รายได้รวมส่วนนี้เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ แกร็บได้ให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและคนขับในภูมิภาค รวมประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท (2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นยอดที่เพิ่มขึ้น 46%

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา แกร็บดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคตามพันธกิจ GrabForGood สำหรับในประเทศไทย แพลตฟอร์มแห่งนี้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1.79 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 1% ของ GDP ประเทศไทย 

แกร็บรายงานว่าคนขับกว่า 99% ทั่วทั้งภูมิภาคมีรายได้ต่อชั่วโมงเท่ากับหรือสูงกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงของแต่ละประเทศ
แกร็บรายงานว่าคนขับกว่า 99% ทั่วทั้งภูมิภาคมีรายได้ต่อชั่วโมงเท่ากับหรือสูงกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงของแต่ละประเทศ

...

ข้อมูลในรายงานส่วนที่เกี่ยวกับพันธมิตรทางธุรกิจ ระบุว่า คนขับกว่า 99% ทั่วทั้งภูมิภาคมีรายได้ต่อชั่วโมงจากการให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม เท่ากับหรือสูงกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำรายชั่วโมงของแต่ละประเทศ และมีผู้ประกอบการรายย่อยใหม่กว่า 600,000 รายเข้าร่วมแพลตฟอร์ม โดยกลุ่มนี้สร้างมูลค่าคำสั่งซื้อรวม (Gross Merchandise Value) ของบริการ GrabFood และ GrabMart คิดเป็นสัดส่วน 67%

นอกเหนือจากข้อมูลด้านเศรษฐกิจ รายงานยังกล่าวถึงการดำเนินงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 128,000 ตัน จากการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานสะอาด และสถิติด้านความปลอดภัยที่ระบุว่า 99.9% ของการให้บริการผ่านแกร็บไม่มีรายงานอุบัติเหตุเกิดขึ้น

รายงานความยั่งยืนนี้นำเสนอข้อมูลการดำเนินงานของแกร็บในมิติต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบนิเวศของบริษัท