“ศาลพระอิศวร” ตั้งอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร บริเวณเขตเมืองเก่าอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ถือเป็นโบราณสถานสำคัญ ที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในสมัยโบราณ
ศาลแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยตอนปลาย (ราวพุทธศตวรรษที่ 19-20) โดยเป็นสถานที่สำหรับบูชา “พระศิวะ” หรือที่คนไทยเรียกว่า “พระอิศวร”
จากหลักฐานทางโบราณคดี เช่น แผ่นศิลา เศียรพระศิวะ และซากอาคารศิลาแลง บ่งบอกว่าที่นี่เคยเป็นเทวสถานที่สำคัญของเมืองกำแพงเพชรในอดีต
พระศิวะองค์ที่เคยประดิษฐานอยู่ภายในศาล มีศิลปะงดงามแบบสุโขทัยผสมศิลปะอินเดีย ปัจจุบันเศียรพระศิวะบางส่วนได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร
“พระศิวะ” ได้ชื่อว่าเป็น “มหาเทพสูงสุดแห่งจักรวาล”
พระศิวะในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ...ฮินดู คือหนึ่งในตรีมูรติ (สามเทพสูงสุด) คู่กับพระพรหม (ผู้สร้าง) และพระวิษณุ (ผู้รักษา)
หน้าที่ของพระศิวะคือ “ผู้ทำลาย”...ไม่ใช่เพื่อความพินาศ หากแต่เพื่อเปิดทางให้เกิดสิ่งใหม่ เป็นการทำลายกิเลสและความไม่เที่ยงในสรรพสิ่ง โดยลักษณะสำคัญของพระศิวะที่สื่อในศิลปะไทย มีตรีศูล (สามง่าม) เป็นอาวุธ...มีงูพันกาย เป็นเครื่องหมายแห่งความอมตะ...ประทับนั่งบนหลังโคนนทิ
...
มีตาที่สามบนหน้าผาก สื่อถึงญาณทัศนะพิเศษ
ตำนานเรื่องเล่าความเชื่อ...ชาวเมืองกำแพงเพชรเล่าสืบต่อๆกันมาสะท้อนศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ด้วยว่า ศาลพระอิศวรแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางจิตใจของผู้คนในอดีตไม่เพียงแต่เชื้อเชิญพราหมณ์...พุทธให้มาประกอบพิธีเทวาภิเษก หากแต่ยังเป็นที่พึ่งทางจิตใจในยามบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ ครั้งหนึ่ง...เมืองกำแพงเพชรถูกโรคระบาดหนัก ชาวเมืองพากันทำพิธีบวงสรวงองค์พระศิวะที่ศาลนี้หลังพิธีผ่านพ้นได้ไม่นาน โรคภัยก็ค่อยๆคลี่คลาย
ผู้คนจึงเชื่อว่า องค์พระอิศวรได้ช่วยขจัดเคราะห์กรรมให้แก่บ้านเมือง
นอกจากนี้ ยังมีความเชื่ออีกว่า... การสักการะขอพรกับพระศิวะจะเสริมอำนาจ บารมี ผู้ที่ตั้งจิตอธิษฐานเรื่องหน้าที่การงาน มักประสบความสำเร็จ
หากได้บวงสรวงในวันมหาศิวราตรี (คืนพระจันทร์ดับประจำปี) จะได้รับพรเป็นพิเศษ
อีกหนึ่งตำนานพื้นบ้านเล่าว่า...“เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยรุ่งเรือง เมืองกำแพง เพชรเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความสำคัญในการปกป้องอาณาจักร เพื่อเสริมความศักดิ์สิทธิ์และอำนาจของเมือง กษัตริย์ในสมัยนั้นได้โปรดให้สร้างศาลพระอิศวรขึ้น เพื่อสักการะขอพรให้แผ่นดินสงบสุข มีชัยต่อศัตรู และให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข”
...มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า เมื่อใดที่เมืองประสบภัยพิบัติ หากมีพิธีบวงสรวงศาลพระอิศวรด้วยความเคารพศรัทธา เมืองจะพ้นจากภัยนั้นได้...การมาขอพรเรื่องหน้าที่การงาน โชคลาภ หรือการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง จะสมปรารถนา หากบูชาด้วยจิตศรัทธาแท้จริง
แต่ละปีจึงมีการจัดพิธีใหญ่...เจริญวิปัสนากรรมฐาน รักษาศีล สมาธิ ปัญญา เพิ่มอริยทรัพย์ทั้ง 7 สิริมงคล...เป็นแสงสว่างแห่งธรรม เจริญมรรค 8 อริยสัจ 4 ให้สมบูรณ์ ปรับธาตุ 4...ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้ปกติ เป็นมงคลชัยชีวิต ค้าขายเจริญรุ่งเรืองในทุกสาขาอาชีพและมงคลชัยสถานที่ เทวดาปกป้อง
พระเสื้อวัดทรงเมือง พระอิศวร พระพิฆเนศ พ่อหลักเมือง ให้ประสิทธิ...สำเร็จแก่เรา
...
วันเวลาผ่านมายาวนานถึงปัจจุบันนี้ “ศาลพระอิศวร” ยังคงมีผู้ศรัทธามากราบไหว้ไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันขึ้นปีใหม่ไทย หรือวันมหาศิวราตรี (วันสำคัญในศาสนาฮินดู)
เครื่องสักการะที่นิยม การไหว้สักการบูชามีเรื่องเร่งรีบ...ธูป 16–36 ดอกบัว กุหลาบ ดาวเรือง ดอกมะลิ พวงมาลัย ดอกไม้หอมต่างๆ ผลไม้มงคล...ส้ม องุ่น เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย สับปะรด กล้วย อ้อย น้อยหน่า มะพร้าวอ่อน ส้มโอ ขนุน ทับทิม มะละกอ ...น้ำอ้อย น้ำนม น้ำผึ้ง เนย ถั่ว งา กระยาสารท ขนมจันอับ ขนมถ้วยฟู ธูปแขกสีดำ 9 ดอก (ไม่มีธูปอะไรก็ได้) สิ่งสำคัญคือ...ห้ามเนื้อสัตว์ทุกชนิด
คำบูชาพระศิวะ...“โอม มะโม อิศศะ ราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม ทุติยัมปิ มะโม อิศศะ ราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม ตะติยัมปิ มะโม อิศศะ ราเม ศิวะเทวัญจะ ภะวันตุเม”
หากบูชา “พระพิฆเนศ” ก็จะมี...ชุดดอกไม้ธูปเทียน น้ำมันตะเกียง ธัญพืช นมสด หนูมุสิกะ น้ำเปล่า ผลไม้ นอกจากนี้ยังมี “ขนมโมทะกะ”...ขนมของคนยาก ผู้มีศรัทธากล้า และ “ขนมลาดู”...ขนมมงคลบูชาเทพเจ้า เล่าขานกันว่า...ขนมลาดูบูชาพระพิฆเนศในตำนานทรงโปรดปรานเหนือของบูชาใดๆ
...
“แม้กาลเวลาจะพังทลายศิลา แต่ไม่อาจทำลายศรัทธาที่ฝังแน่นในหัวใจผู้คน”
“ศาลพระอิศวร” เหลือเพียงซากปรักหักพังแห่งประวัติศาสตร์ หากแต่ “พลังแห่งศรัทธา” ที่ผู้คนมีต่อพระศิวะยังคงงอกงามอยู่เสมอ สำหรับชาวเมืองกำแพงเพชรและผู้มาเยือน การได้ยืนต่อหน้าศาลพระอิศวร คือการได้สัมผัสกับ “พลังแห่งการทำลายเพื่อสร้างสรรค์”
การขอพรให้ชีวิตผ่านพ้นอุปสรรคและได้เริ่มต้นสิ่งใหม่อย่างมั่นคงแข็งแรง เพราะในทุกความดับสูญ...คือการเริ่มต้นใหม่เสมอดังคำสอนแห่งองค์พระศิวะ ผู้เป็นนิรันดร์ในใจผู้ศรัทธา
“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่ออย่างไรโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.
รัก-ยม
คลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม