พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท นับเป็นสถานที่สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดงานพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังดังกล่าว
ทั้งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จสวรรคต เมื่อวันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พุทธศักราช 2568 เวลา 21 นาฬิกา 21 นาที ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 หลังจากทรงพระประชวร จากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต โดยคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว
ที่ตั้งและความเป็นมาของพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท คือพระมหาปราสาทองค์สำคัญในเขตพระราชฐานชั้นกลาง พระบรมมหาราชวัง ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทำหน้าที่ทั้งเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ และเป็นศูนย์รวมขนบธรรมเนียมของราชสำนักสยามในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมาจนถึงปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2332 บนพื้นที่เดิมของพระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาทที่ถูกฟ้าผ่าและเพลิงไหม้ โดยวางบทบาทให้เป็นท้องพระโรงหลวง ใช้เสด็จออกว่าราชการและว่าราชการแผ่นดิน ก่อนที่ภายหลังจะกลายเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบางส่วนและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพตามราชประเพณี
รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นปราสาทจตุรมุข ก่ออิฐถือปูน หลังคาซ้อนชั้นมุงกระเบื้อง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และลวดลายครุฑ–นาค ที่ชายคาและส่วนยอด แสดงความงดงามของศิลปกรรมไทยประเพณีเชิงสัญลักษณ์ คติจักรวาลและพระนารายณ์ทรงครุฑ ทำให้พระมหาปราสาทองค์นี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นงานช่างชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
...
แผนผังด้านหน้ามี มุขเด็จ สำหรับเสด็จออกมหาสมาคม โดยตั้งพระที่นั่งบุษบกมาลา ไว้กลางมุขสำหรับพระราชอิริยาบถในคราวออกให้ประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ส่วนด้านหลังเชื่อมต่อกับพระที่นั่งพิมานรัตยาด้วยมุขกระสัน ซึ่งเป็นห้องโถงยาวรับ–ส่งเสด็จ เชื่อมพื้นที่พระราชฐานชั้นกลาง–ชั้นในให้เป็นระบบเดียวกัน
รายละเอียดภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ภายในพระมหาปราสาทประดิษฐานเครื่องราชูปโภคสำคัญ อาทิ พระแท่นราชบัลลังก์ประดับมุก ซึ่งกางพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรเหนือพระแท่น เป็นสัญลักษณ์พระราชอิสริยยศ และพระแท่นราชบรรจถรณ์ประดับมุก ที่สร้างในรัชกาลที่ 1 ใช้ประดิษฐานปูชนียวัตถุในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ขณะที่พระที่นั่งบุษบกมาลา เคยอัญเชิญพระสยามเทวาธิราช เมื่อคราวพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ในปี พ.ศ. 2525
บทบาทสำคัญที่ทำให้พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นที่รู้จักกว้างขวาง คือการเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมศพและพระศพพระบรมวงศ์ตามราชประเพณี ล่าสุดใน พ.ศ. 2559–2560 ได้ประดิษฐานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้พสกนิกรได้ถวายสักการะ
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมาสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก่อนเสด็จสู่ลำดับพิธีอื่น ๆ สะท้อนความเป็นมณฑลพิธี ที่ผูกโยงอดีต–ปัจจุบันของราชสำนักไว้ในพื้นที่เดียว
ที่มาของพระนามดุสิตมหาปราสาท ก็มีนัยยะเชิงคติธรรม ดุสิตคือสวรรค์ชั้นที่ 4 ตามคัมภีร์ไตรภูมิและคติพุทธศาสนา เป็นที่สถิตของพระโพธิสัตว์ก่อนเสด็จอุบัติมาตรัสรู้ จึงถือความหมายมงคลถึงความสูงส่งและความเพียบพร้อมของคุณธรรม ซึ่งสะท้อนอยู่ในบทบาทและพิธีกรรมที่กระทำ ณ พระมหาปราสาทองค์นี้
ด้วยประวัติ สถาปัตยกรรม และพิธีกรรมที่สืบต่อกันมา พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทจึงมิใช่เพียงอาคารงามวิจิตรในทางช่าง หากยังเป็นพื้นที่ความทรงจำของสังคมไทย ที่รวมความศรัทธา ความจงรักภักดี และภูมิปัญญาศิลปกรรมของแผ่นดินไว้ในผืนเดียวกัน