"ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ" (ภาษาอังกฤษ : Clear Soup with Tofu and Minced Pork) เมนูอาหารไทยง่ายๆ แต่ครองใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เนื่องจากน้ำซุปรสชาติกลมกล่อม กินง่าย อีกทั้งยังให้สารอาหารครบ 5 หมู่ ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย จะกินต้มจืดเต้าหู้หมูสับคู่ข้าวสวย หรือซดน้ำซุปร้อนๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน
แจกวิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับง่ายๆ ทำอย่างไร
ต้มจืดเต้าหู้หมูสับสามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มแรกให้เตรียมวัตถุดิบก่อน
วัตถุดิบต้มจืดเต้าหู้หมูสับ
- หมูสับ 300 กรัม
- เต้าหู้ไข่ ตามชอบ
- ซุปก้อน 1 ก้อน
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำเปล่าสะอาด 1 ลิตร
- แครอท ตามชอบ
- ผักกาดขาว ตามชอบ
- ซอสหอยนางรม ตามชอบ
- ต้นหอม และขึ้นฉ่าย ตามชอบ
- กระเทียมสับ ตามชอบ
- ซอสปรุงรส ตามชอบ
- พริกไทยป่น ตามชอบ
- รากผักชี ตามชอบ
...
วิธีทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับง่ายๆ
1. หมักหมูสับ โดยการนำมาผสมกับพริกไทยป่น ซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และไข่ไก่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 10-15 นาที
2. ตั้งน้ำ ใส่กระเทียมสับ รากผักชี และซุปก้อน รอจนน้ำเดือด คอยช้อนฟองออก
3. ปั้นหมูบดที่หมักไว้ลงในน้ำเดือด
4. ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส จากนั้นใส่ผักกาดขาว
5. เมื่อผักเริ่มนิ่มให้ใส่เต้าหู้ไข่ โรยด้วยต้นหอม และขึ้นฉ่าย รอเดือดแล้วปิดไฟ
6. ตักต้มใส่ชาม โรยพริกไทยป่น พร้อมเสิร์ฟ
ทั้งนี้ หากใครต้องการเพิ่มวัตถุดิบต้มจืดเต้าหู้หมูสับผักกาดขาวเป็นต้มจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย วุ้นเส้น ตำลึง เลือด หรือเห็ดหอมก็สามารถทำได้เช่นกัน
แจกเคล็ดลับเพิ่มความอร่อยให้ต้มจืด
- เคี่ยวน้ำซุปจากกระดูกหมู หรือซี่โครงไก่ไว้จะช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้น้ำซุปยิ่งขึ้น
- หากต้องการใส่เห็ดหอมแห้ง ควรนำไปแช่น้ำก่อน เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
- ควรใส่ผักตามลำดับความสุกยากไปง่าย เพื่อป้องกันไม่ให้ผักเละเกิน
- หมูสับควรปั้นเป็นก้อนเล็กๆ พอดีคำ เพื่อให้สุกอย่างทั่วถึงทั้งด้านในและนอก
- วุ้นเส้นควรแช่น้ำให้นิ่มก่อนนำลงไปต้มจืด
ต้มจืดเต้าหู้หมูสับกี่แคลอรี ให้ประโยชน์อะไรบ้าง
ต้มจืดเต้าหู้หมูสับเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยต้มจืดเต้าหู้หมูสับ 1 ถ้วยจะให้พลังงานประมาณ 120-350 กิโลแคลอรี ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน หรือวิตามิน
ต้มจืดเต้าหู้หมูสับเป็นเมนูง่ายๆ ที่สามารถทำกินได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มวัตถุดิบ เพื่อเพิ่มความอร่อยได้ง่ายๆ รับรองว่าถูกปาก ได้รับสารอาหารครบถ้วนไม่แพ้กัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง