ภาวะเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. กลุ่มผู้เป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวานมาก่อนการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจทราบมาก่อนการตั้งครรภ์หรือไม่ทราบมาก่อนก็อาจะเป็นได้ กลุ่มผู้เป็นเบาหวานกลุ่มนี้ แพทย์ต้องรักษาด้วยอินซูลิน เพื่อควบคุมน้ำตาลให้เป็นปกติมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารในคนไข้กลุ่มนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ค่าน้ำตาลและน้ำหนักของมารดาและทารกได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน

ภาวะโรคแทรกซ้อนที่มารดาที่เป็นเบาหวานและคุมค่าน้ำตาลไม่ได้ โอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งมารดาและทารกมีดังต่อไปนี้

1. มีภาวะน้ำตาลต่ำ

2. มีภาวะร่างกายผลิตสารคีโตน เนื่องจากกินคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ ร่างกายจะใช้พลังงานทดแทนจากไขมัน

3. ภาวะครรภ์เป็นพิษ

4. เกิดการติดเชื้อของกรวยไต

5. อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทางตา ไต ระบบประสาท และหัวใจที่แย่ลง

2. กลุ่มผู้เป็นเบาหวานขณะที่ตั้งครรภ์ เป็นโรคเบาหวานที่ได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากมีความทนต่อกลูโคสที่ผิดปกติ กลุ่มคนไข้บางรายใช้อาหารและการเคลื่อนไหวร่างกายหลังอาหาร ก็สามารถควบคุมค่าน้ำตาลให้ได้ตามค่าเป้าหมายในการรักษา บางรายอาจต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมค่าน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมาย รูปแบบการฉีดอินซูลินจะขึ้นกับการวินิจฉัยของแพทย์ บางรายอาจฉีดอินซูลินบางมื้อ เช่น ฉีดยาอินซูลินออกฤทธิ์ปานกลางก่อนนอน เพื่อควบคุมค่าน้ำตาลก่อนอาหารเช้า หรือฉีดยาอินซูลินออกฤทธิ์เร็วก่อนอาหารเช้า เพื่อควบคุมค่าน้ำตาลหลังอาหารให้เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์หรือขณะตั้งครรภ์ เพื่อดูแลค่าน้ำตาลในเลือดให้ได้ตามค่ามาตรฐาน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อลดการพิการของทารกหรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่จะเกิดกับมารดาหรือทารกได้

...

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในผู้เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์

1. การคลอดโดยผ่าตัดทางท้อง

2. ทารกมีขนาดตัวใหญ่

3. ทารกอาจมีภาวะน้ำตาลต่ำ

ถ้ามารดาคุมค่าน้ำตาลไม่ดีหรือไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะเบาหวานในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 9 สัปดาห์แรกของการปฏิสนธิ ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกกำลังสร้างอวัยวะ มีโอกาสที่ทารกจะมีความพิการค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาที่มีค่าน้ำตาลสูง ทารกจะผลิตอินซูลินที่มากขึ้น และอาจนำมาซึ่งภาวะน้ำตาลต่ำ เมื่อคลอดได้ และจะเป็นอันตรายต่อสมองของทารกได้ ถ้าช่วยไม่ทันการ

การตรวจคัดกรองและการวินิจฉัยหญิงเป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์และหญิงตั้งครรภ์ขณะที่เป็นเบาหวาน

เกณฑ์การตรวจคัดกรองมาตรฐานและวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์

● ถ้าตรวจพบน้ำตาลเฉลี่ยสะสมเกิน 6.5% ให้วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน
● ถ้าตรวจพบว่าค่าน้ำตาลปลายนิ้วก่อนอาหารมากกว่าหรือเท่ากับ 126 มก./ดล.
● สุ่มเจาะได้มากกว่า 200 มก./ดล. ให้วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน
● 2 ชั่วโมงของการทำ 75 กรัม glucose load ตรวจค่าน้ำตาลมากกว่า 200 มก./ดล.

สรุปเกณฑ์ประเมินความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน

เป้าหมายการรักษาในผู้เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ตามแนวทางของ American Diabetes Association (ADA)

ดังนั้นในหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ แพทย์อาจแนะนำให้คุมด้วยอาหารหรือรักษาร่วมกับอินซูลิน นอกจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยอาหารแล้ว การแนะนำพลังงานที่เหมาะสมก็จำเป็นเช่นกัน เพื่อให้น้ำหนักมารดาขึ้นตามเกณฑ์ ปัญหาที่พบโดยทั่วไป คือ หญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง พยายามที่จะควบคุมอาหารเอง โดยจำกัดอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต โดยรับประทานในปริมาณน้อย ๆ เพื่อที่จะให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหารได้ตามเป้าหมาย แต่ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ น้ำหนักลดหรือน้ำหนักขึ้นไม่ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลทำให้ทารกน้ำหนักขึ้นไม่ได้ตามมาตรฐานและคลอดออกมาตัวเล็กได้ ดังนั้นการได้รับคำแนะนำจากนักกำหนดอาหารวิชาชีพมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีของมารดาและทารก

-------------------------------------------------------

แหล่งข้อมูล
นางสาวฉัตรวรา อารีวุฒิ นักกำหนดอาหารวิชาชีพ สาขาวิชาโรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

...

อ่านคอลัมน์ "ศุกร์สุขภาพ" เพิ่มเติม