การให้ความรู้เรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะต้องคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ตามเป้าหมายแล้ว พลังงานที่เหมาะสมที่ได้รับต่อวันก็มีผลต่อน้ำหนักของมารดาและทารก การแนะนำปริมาณคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ที่ร่างกายต้องการต่อวัน รวมทั้งเทคนิคการกระจายคาร์โบไฮเดรตและอาหารที่หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงเป็นสิ่งที่ต้องเน้นให้หญิงตั้งครรภ์ควรตระหนักและนำไปปฏิบัติได้จริง
แนวทางการแนะนำน้ำหนักที่ขึ้นอย่างเหมาะสมในหญิงตั้งครรภ์ โดย Institute of Medicine (IOM) 2009
แนะนำว่าน้ำหนักในช่วงไตรมาสแรก ควรอยู่ที่ 0.5-2 กิโลกรัม น้ำหนักที่ขึ้นเกินกำหนดจะนำมาซึ่งทารกที่มีไขมันมาก และนำมาซึ่งน้ำหนักหลังคลอดที่สูงมากของมารดา ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก ดังนั้นน้ำหนักที่ขึ้นอย่างเหมาะสม เป็นสิ่งที่นักกำหนดอาหารควรให้ความรู้และกำหนดพลังงานให้เป็นรายบุคคลในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
คำแนะนำพลังงานสำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยจะคิดค่าพลังงานจากน้ำหนักก่อนท้อง
...
ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน พลังงานที่ได้รับไม่ควรน้อยกว่า 1,800 กิโลแคลอรี่ต่อวัน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะสารคีโตนในเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อแม่และทารก
แนวทางการคำนวณพลังงานและปริมาณคาร์โบไฮเดรตใน 1 วัน
เทคนิคการกระจายปริมาณคาร์โบไฮเดรต
ยกตัวอย่างว่าหญิงตั้งครรภ์ได้รับพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรี่ ให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต 45% ของพลังงานทั้งหมด จะได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเท่ากับ 900 กิโลแคลอรี่ และให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 225 กรัมต่อวันสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นเทคนิคที่สำคัญ คือ การกระจายปริมาณคาร์โบไฮเดรต ดังตัวอย่างด้านล่าง
กลุ่มคาร์โบไฮเดรต
ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ The DRI (The Dietary Reference Intake) แนะนำในหญิงตั้งครรภ์ ควรมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่อวันไม่ควรต่ำกว่า 175 กรัมต่อวัน เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานอันดับแรกที่สำคัญต่อการเติบโตของทารก เพราะฉะนั้น ถ้าลดสารอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปอาจทำให้น้ำหนักมารดาขึ้นไม่ได้ตามค่ามาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลต่อน้ำหนักทารก ซึ่งจะส่งผลให้ทารกมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานได้
ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมจำเป็นอย่างยิ่งในกลุ่มหญิงที่เป็นเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ เพราะต้องฉีดอินซูลินในการควบคุมน้ำตาล ถ้าปริมาณของยาอินซูลินและปริมาณคาร์โบไฮเดรตไม่สัมพันธ์กัน ก็จะนำมาซึ่งภาวะน้ำตาลต่ำ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อมารดาและทารกได้ สำหรับคาร์โบไฮเดรตในหญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ The American Dietetic Association’s Evidence-Based (ADA’s Evidence Based) ได้แนะนำหลักการการกระจายอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเป็น 3 มื้อหลักและมีของว่างที่เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต 2-4 มื้อต่อวัน
...
ในช่วงอาหารเช้า เนื่องจากรกฮอร์โมนอาจจะผลิตฮอร์โมนที่มีผลต่อภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งอาจจะทำให้ค่าน้ำตาลหลังอาหารในเลือดสูง แนะนำให้ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้เหลือ 30-45 กรัมในมื้อเช้า และเป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่มีค่าดัชนีน้ำตาลปานกลางถึงต่ำ ก็จะช่วยควบคุมน้ำตาลหลังอาหารในตอนเช้าได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลโดยการคุมอาหารต้องไม่ให้เครียดจนเกินไป
ใน 1 ส่วนของกลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรต ให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่
ตารางอาหารหมวดคาร์โบไฮเดรตหมวดต่าง ๆ ใน 1 ส่วน
ในหญิงตั้งครรภ์มีแนวโน้มว่าจะใช้พลังงานสูงตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้น การกระจายพลังงานโดยเฉพาะพลังงานที่มาจากกลุ่มคาร์โบไฮเดรตก็จะเป็นเทคนิคในการคุมค่าน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินค่าเป้าหมายในการรักษา และยังช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายของมารดาขาดพลังงานนานเกินไป จนอาจทำให้มีการนำไขมันที่ร่างกายสะสมมาใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทน
● กลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรตข้าวแป้ง เช่น กลุ่มข้าวแป้ง ได้แก่ ข้าวสุก ข้าวต้ม ข้าวเหนียว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว วุ้นเส้น บะหมี่ ข้าวโอ๊ต ซีเรียล
...
ตัวอย่างอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 1 ส่วน จะให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม เช่น ข้าวสวย 1/3 ถ้วยตวง เส้นใหญ่ ½ ถ้วยตวง ขนมปัง 1 แผ่น แครกเกอร์ 4 แผ่น ขนมจีน 1 จับ
● กลุ่มอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรต คือ กลุ่มผลไม้
ตัวอย่างผลไม้ 1 ส่วนให้คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม ให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี่ เช่น กล้วยน้ำว้า 1 ลูก มะละกอ 6 ชิ้นคำ แก้วมังกร ½ ผล ลองกอง 5-6 ลูก
● กลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรตประเภทที่ 3 คือ กลุ่มนม น้ำนมถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต ไอศกรีม ในอาหารกลุ่มนี้ 1 ส่วน จะให้คาร์โบไฮเดรต 12 กรัม โปรตีน 8 กรัม และไขมันแปรผันตามชนิดของประเภทนม
ตัวอย่างอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต เช่น นมขาดเนย 240 มล. นมพร่องมันเนย 240 มล. นมจืดไขมัน 100% 240 มล.
● กลุ่มผักที่มีแป้ง ในผักบางประเภทจะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง มันเทศ เผือก ฟักทอง มีผู้ที่เป็นเบาหวานหลายท่านไม่ทราบว่าปริมาณ 1 ส่วนของผักที่มีแป้งเหล่านี้ให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม เทียบเท่ากับรับประทานข้าว 1 ทัพพี
● กลุ่มผักที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต กลุ่มผักใบเขียว หรือกลุ่มผักใบส่วนใหญ่จะไม่มีคาร์โบไฮเดรต มีพลังงานน้อยใน 1 ส่วนของผัก จะเท่ากับ 1 ถ้วยตวงของผักดิบ และ ½ ถ้วยตวงของผักสุก ใน 1 ส่วนของผักมีคาร์โบไฮเดรต 5 กรัม โปรตีน 2 กรัม ไขมัน 0 กรัม มีพลังงานเท่ากับ 25 กิโลแคลอรี่
นอกจากผักจะเป็นหมวดอาหารที่มีพลังงานต่ำแล้ว หมวดผักยังมีกากใยอาหารสูง ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางของน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าและยังทำให้อิ่มเร็วอีกด้วย อาหารที่มีกากใยสูงจะช่วยควบคุมน้ำตาลและน้ำหนักในหญิงตั้งครรภ์ให้ดีขึ้น
...
แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีกากใย 20-30 กรัมต่อวัน ดังนั้นนักกำหนดอาหารควรแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์รับประทานผักทุกมื้ออาหาร เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลหลังอาหารให้ขึ้นตามเป้าหมาย
สรุปในกลุ่มอาหารคาร์โบไฮเดรตในหญิงตั้งครรภ์ จะแนะนำกลุ่มคาร์โบไฮเดรต 3-4 ส่วนต่อมื้อ 1-2 ส่วนต่อครั้งที่เป็นอาหารว่าง กลุ่มคาร์โบไฮเดรตเน้นข้าวแป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง whole wheat กลุ่มการเดินทางของน้ำตาลปานกลางถึงต่ำ แนะนำอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อเพิ่มความอิ่ม เช่น ผักใบเขียวทุกชนิด
หมายเหตุ: ไม่แนะนำให้ทานนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมในมื้ออาหาร แต่แนะนำให้ทานในมื้อว่าง เพื่อช่วยในการคุมค่าน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมาย
--------------------------------------------
แหล่งข้อมูล
นางสาวฉัตรวรา อารีวุฒิ นักกำหนดอาหารวิชาชีพ สาขาวิชาโรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อ่านคอลัมน์ "ศุกร์สุขภาพ" เพิ่มเติม