เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน “ไข้หวัดใหญ่” นับเป็นโรคที่พบบ่อยในช่วงนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นกับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ก็จะมีความอันตราย เราจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ที่ติดในคนมีสายพันธุ์หลัก คือ สายพันธุ์เอและสายพันธุ์บี แต่ยังมีสายพันธุ์รองย่อย ๆ ลงไปอีก ซึ่งจะมีความแตกต่างขององค์ประกอบของเซลล์ไวรัสในส่วนที่เรียกง่าย ๆ ว่า H และ N แม้ว่าจะยากที่จะลงรายละเอียดในแต่ละสายพันธุ์ย่อย แต่สำหรับในสายพันธุ์หลัก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ มักมีความรุนแรงในมนุษย์มากกว่า บางสายพันธุ์มีการระบาดอย่างแพร่หลาย เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดสุกร

ที่สำคัญ คือ ในแต่ละปีจะมีสายพันธุ์ที่ระบาดแตกต่างกัน บางปีอาจมีหลายสายพันธุ์รอง ทำให้ต้องฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเป็นประจำทุกปี ซึ่งในปัจจุบันมีแบบครอบคลุม 3 หรือ 4 สายพันธุ์ ซึ่งทางทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จะมีการใช้ข้อมูลทางระบาดวิทยาและสถิติ เพื่อออกเป็นแนวทางเลือกสายพันธุ์ในการจัดทำวัคซีน ซึ่งยังแบ่งเป็นซีกโลกเหนือ และซีกโลกใต้อีกด้วย

กลุ่มเสี่ยงของไข้หวัดใหญ่

คนที่มีโอกาสรับเชื้อได้ง่าย หรือมีความเสี่ยงที่ได้รับเชื้อแล้วจะเป็นอย่างรุนแรง และแพร่กระจายนอกเหนือไปจากทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่

● กลุ่มอายุน้อยกว่า 2 ปี

● คนอายุมากกว่า 60 ปี

● กลุ่มที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังด้านปอด หัวใจ ตับ และไต

● คนที่เป็นเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้

● คนอ้วนมีดัชนีมวลกายมากกว่า 30 คนที่สูบบุหรี่ หรือเป็นโรคปอดอักเสบอุดกั้นเรื้อรัง

● คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ ได้แก่ คนที่รับยาเคมีบำบัด หรือยากดภูมิ คนที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ

● กลุ่มคนที่พักอยู่อย่างแออัด หรือพักร่วมกันในสถานพยาบาลที่ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยระยะยาว (nursing home)

...

อาการ โรคไข้หวัดใหญ่

การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ มักทำให้มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล และปวดศีรษะมากที่สุด บางรายอาจมีเจ็บหู ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวท้องเสีย บางรายไอมากจนเสียงแหบ ในเด็กเล็ก อาจมีการร้องโยเย กินได้น้อย มีน้ำลายไหลออกจากปากมากกว่าปกติ เพราะเจ็บคอ กลืนนมหรือน้ำลายไม่ไหว

ส่วนหากไข้หวัดใหญ่นั้นลงปอด อาจทำให้เจ็บหน้าอก หายใจหอบเหนื่อย มีเสมหะเพิ่มมากขึ้น หากไปที่อวัยวะอื่น ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการจากอวัยวะนั้น ๆ เช่น หากไปที่สมองและระบบประสาท มักมีอาการซึม สับสน นอกจากนี้ บางรายเป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วมีแบคทีเรียแทรกซ้อน อาจมีเสมหะสีเขียวข้น มีอาการนานกว่าปกติ และบางรายรักษาหายแล้ว แต่เหมือนมีอาการกลับมาใหม่

การรักษา โรคไข้หวัดใหญ่

ยาที่ใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) เป็นยาชนิดกิน ส่วนใหญ่จะกิน 5 วัน แต่ในบางรายที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีอาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาวถึง 10 วัน นอกจากนี้ ยังมียาบรรเทาอาการต่าง ๆ อาทิ ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้คัดจมูก ยาแก้แพ้ เป็นต้น

การดูแลตนเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่

หากเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรกินยาสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารสมดุลและสุขภาพดี เพื่อให้ตนเองหายดีขึ้น นอกจากนี้ ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

การป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันได้หลายวิธี ดังนี้

1. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี

2. ใส่หน้ากากอนามัย

3. กินอาหารที่ดี มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

4. หลีกเลี่ยงคนที่มีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะการไอ จาม

5. หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัด

6. ไม่ใช้ช้อนร่วมกัน

7. ล้างมือบ่อย ๆ

แหล่งข้อมูล
อ.พญ. รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

อ่านคอลัมน์ "ศุกร์สุขภาพ" เพิ่มเติม