“พยาธิตัวจี๊ด” หรือภาษาอังกฤษ เรียกว่า “Gnathostomiasis” เกิดจากการติดเชื้อปรสิต (parasite) ชนิดพยาธิตัวกลม ซึ่งมักได้รับจากการกินอาหารดิบหรือไม่สุกเต็มที่ ทั้งปลาน้ำจืด ปลาไหล กบ นก และสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ สามารถพบบ่อยทั่วโลก แต่พบมากในประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะประเทศไทย

วงจรชีวิตของพยาธิตัวจี๊ด

พยาธิตัวจี๊ดสามารถอยู่ในสัตว์หลายชนิด เช่น หมา แมว แรคคูน เสือ หมู เป็นต้น สัตว์ที่ติดเชื้อเหล่านี้มักจะถ่ายไข่พยาธิออกมาในน้ำจืด แล้วไข่จะแตกออก มีพยาธิตัวอ่อนที่ถูกกินโดยสัตว์น้ำขนาดเล็ก เรียกว่า Copepods หรือ water fleas หลังจากนั้นสัตว์ที่อยู่ในน้ำ เช่น ปลาน้ำจืด ปลาไหล กบ นก และสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในน้ำจะกินสัตว์น้ำขนาดเล็กนั้นเข้าไป ทำให้ติดเชื้อ และตัวอ่อนพยาธิก็จะค่อย ๆ โตในสัตว์เหล่านั้นจนสัตว์ติดเชื้อ และพยาธิกลายเป็นพยาธิตัวแก่ วงจรจะวนเวียนในสัตว์แบบนั้น หากคนไม่ได้มากินสัตว์น้ำจืดแบบไม่สุก หากคนมากินเนื้อสัตว์น้ำจืดดังกล่าว จะทำให้คนติดเชื้อ แต่ว่า พยาธิจะไม่สามารถทำให้ตัวอ่อนเติบโตกลายเป็นพยาธิตัวแก่ได้

อาการมีอะไรบ้าง

อาการของพยาธิตัวจี๊ด เกิดจากพยาธิมีการเคลื่อนตัวไปมาทั่วร่างกาย หลังจากคนกินสัตว์ที่ติดเชื้อ มักจะมีการขยับตัวของพยาธิในผนังกระเพาะ ลำไส้ และตับ บางรายอาจไม่มีอาการ ขณะบางราย มีไข้ เหนื่อยเพลีย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ทานอาหารไม่ลง ซึ่งระยะนี้จะมีอาการประมาณ 2-3 สัปดาห์

ต่อมา เมื่อพยาธิมาถึงผิวหนัง จะมีการเคลื่อนตัว อาจเห็นการบวม แดง คัน และปวด ระยะนี้จะมีอาการประมาณ 4 สัปดาห์หลังจากกินอาหารที่มีพยาธิเข้าไป และยังสามารถอยู่ในร่างกายได้ถึง 10 ปี แต่ละครั้งที่บวมมักจะเป็นหลายสัปดาห์

แม้จะพบไม่บ่อย แต่ยังสามารถพบพยาธิตัวจี๊ดส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น ในสมอง ตา หู ปอด กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น

...

การรักษา

หากพบว่า มีพยาธิตัวจี๊ด สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อกินยาถ่ายพยาธิที่มีประสิทธิภาพต่อพยาธิชนิดนี้ ได้แก่ ยาอัลเบนดาโซล (albendazole) ยาไอเวอร์เมคติน (ivermectin)

การป้องกัน

1. ไม่กินอาหารสุกดิบ โดยเฉพาะสัตว์ที่อยู่ในน้ำ เช่น ปลาน้ำจืด ปลาไหล กบ นก และสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในน้ำ
2. ประกอบอาหารอย่างเหมาะสม เช่น ทำปลาต้องให้สุกอย่างน้อย 63 องศาเซลเซียส
3. การประกอบอาหารบางอย่างทำยำปลาด้วยมะนาว ไม่ได้ฆ่าพยาธิได้
4. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอุ่นก่อนและหลังประกอบอาหาร
5. สวมถุงมือหากต้องสัมผัสส่วนของสัตว์ที่อาจติดเชื้อ

แหล่งข้อมูล
อาจารย์ แพทย์หญิงรพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด 
สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล


อ่านคอลัมน์ "ศุกร์สุขภาพ" เพิ่มเติม