แม้ว่าปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมมักจะอยู่เหนือการควบคุมในการป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม แต่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้คืออาหารที่เราเลือกรับประทาน

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมักจะแนะนำผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนจากพืชหรือโปรตีนไขมันต่ำ เพื่อช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพหลายอย่าง รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวาน อาหารเหล่านี้ยังช่วยลดโอกาสในการเป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่ผู้หญิงทั่วโลกมีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับต้นๆ

ความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยสมาคมมะเร็งอเมริกัน (American Cancer Society) ระบุว่า อายุเฉลี่ยในการวินิจฉัยอยู่ที่ 62 ปี และมีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัยก่อนอายุ 45 ปี

อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งเต้านมท่านหนึ่งชี้ให้เห็นว่า การเริ่มมาตรการป้องกันตั้งแต่วันนี้สามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ในอนาคตเมื่อปรับตัวพร้อมกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้านอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพร่วมกัน

บรอกโคลี ผักสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

ดร. ภาวนา พาฐัก (Dr. Bhavana Pathak, MD) อายุรแพทย์โลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา และผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของ Integrative Oncology แห่ง MemorialCare Cancer Institute, แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เผยว่าผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรรับประทานบรอกโคลี (Broccoli) เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ

บรอกโคลี มีส่วนประกอบสำคัญในการต่อสู้กับมะเร็ง ได้แก่ พรีไบโอติกไฟเบอร์ (prebiotic fiber), โปรตีนจากพืช (plant-based protein) และ ซัลโฟราเฟน (sulforaphane) สารเหล่านี้ช่วยบำรุงเส้นใยสุขภาพดีในลำไส้ที่ช่วยเรื่องดังต่อไปนี้

  • ลดการอักเสบ 
  • รักษาสมดุลของการเผาผลาญ 
  • ลดความเสียหายของ DNA 
  • กำจัดเซลล์มะเร็ง 

...

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ข้อมูลจำนวนมากจากวารสาร Nutrients ในปี 2024 ชี้ให้เห็นว่าการรับประทาน บรอกโคลี ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิดได้ รวมถึงมะเร็งเต้านมด้วย โดยบรอกโคลีที่หั่นแล้วขนาด 1 ถ้วย ประกอบด้วย

  • โปรตีน 3 กรัม
  • แคลอรี่ 31
  • ไขมัน 0 กรัม
  • ใยอาหาร 2 กรัม

ที่น่าสนใจคือ บรอกโคลีมีไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า พรีไบโอติก ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ แต่จะทำหน้าที่ "เป็นอาหาร" ให้กับแบคทีเรียที่ดีในร่างกาย (probiotics)

แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับพรีไบโอติกในการลดความเสี่ยงมะเร็งจะยังไม่แน่ชัด แต่การศึกษาอื่นๆ ก็ชี้ให้เห็นว่าใยอาหาร โดยเฉพาะพรีไบโอติก สามารถช่วยเพิ่มความหลากหลายของแบคทีเรียในลำไส้ และลดปริมาณแบคทีเรียที่เป็นอันตรายซึ่งเกี่ยวข้องกับการดูดซึมกลับของฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของมะเร็งเต้านมได้

นอกจากนี้ บรอกโคลียังเป็นอาหารหลักใน อาหารเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean diet) ซึ่งมีการวิจัยบ่งชี้ว่าสามารถลดโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมได้

เคล็ดลับในการเตรียมบรอกโคลีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการต้านมะเร็ง

ดร. พาฐักอธิบายว่า เป้าหมายหลักคือ การกระตุ้นพลังของสารซัลโฟราเฟน ซึ่งทำได้โดยการ หั่นหรือเคี้ยวบรอกโคลีให้ดี ซัลโฟราเฟนเป็นผลผลิตที่เกิดจากปฏิกิริยาของเอนไซม์จากสารประกอบสองชนิดที่มีอยู่ในบรอกโคลี

อย่างไรก็ตาม การศึกษาในปี 2018 ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่า การ สับหรือหั่น ผักตระกูลกะหล่ำนี้สามารถช่วยรักษาระดับสารอาหารสำคัญนี้สำหรับการป้องกันมะเร็งได้

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

ดร. พาฐัก แนะนำว่า หากทำอาหารเอง ควรหั่นบรอกโคลีแล้วพักทิ้งไว้เป็นเวลาสองสามนาทีถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนนำไปผัด หรือใส่ในซุปและสลัด เพื่อช่วยให้สารต้านมะเร็งพัฒนาดีขึ้น รวมถึงการซื้อบรอกโคลีที่หั่นสำเร็จรูปมาแล้วก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน

อาหารชนิดอื่นๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

นอกจากการรับประทานบรอกโคลีเป็นประจำแล้ว ดร. พาฐักยังกระตุ้นให้ผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยแนะนำให้รับประทานอาหารที่สมดุล ได้แก่

...

  1. แหล่งไฟเบอร์พรีไบโอติกอื่นๆ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง และถั่วเลนทิล 
  2. เน้นโปรตีนจากพืชเป็นหลัก
  3. อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
  4. อาหารที่มีแหล่งซัลโฟราเฟนอื่นๆ ซึ่งพบได้ใน กะหล่ำดอก, ผักเคล และกะหล่ำปลี 
  5. เครื่องเทศต่างๆ ดร. พาฐัก เผยว่าเธอชื่นชอบการรับประทานขมิ้น กับพริกไทยดำ รวมทั้งดื่มชาที่ผสมขิง มะนาว และน้ำผึ้งเป็นประจำทุกสัปดาห์

อาหารและเครื่องดื่มที่ควรเลี่ยง

  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นสารพิษที่สามารถทำลาย DNA
  • อาหารแปรรูป ที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ เช่น อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง แต่มีใยอาหารต่ำ
  • อาหารที่ไหม้เกรียมหรือเนื้อย่างจนดำ ดร. พาฐักเตือนว่าอาหารเหล่านี้สามารถสร้างสารก่อมะเร็งเฮเทอโรไซคลิกเอมีน (carcinogenic heterocyclic amines) ซึ่งอาจเป็นสารก่อมะเร็ง

นอกจากอาหารที่ควรเลี่ยงแล้ว การปรับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวที่เน้นสติ เช่น โยคะ เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย

รวมถึงการปรับทัศนคติทางสังคม ดร. พาฐักชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่มีความคิดที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายในชีวิต และมีการเข้าสังคมอย่างต่อเนื่อง จะมีประสิทธิภาพดีกว่าคนที่ไม่ทำ

ที่มา: Parade.com 

...