ที่ผ่านมาหลายคนอาจมองข้ามโรคนิ่วในถุงน้ำดี จนกระทั่งพิธีกรชื่อดังอย่างหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย มีอาการป่วยจนต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนจากโรคดังกล่าว จึงทำให้คนให้ความสนใจว่าโรคนี้มีสาเหตุจากอะไร อาการเป็นแบบไหน ใครต้องเฝ้าระวังบ้าง
นิ่วในถุงน้ำดี คืออะไร
นิ่วในถุงน้ำดี คือ ก้อนที่เกิดจากการตกผลึกของสารต่างๆ ได้แก่ หินปูน คอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน ในน้ำดี ถุงน้ำดีมีหน้าที่ในการเก็บสะสมน้ำดีที่ผลิตจากตับและช่วยย่อยไขมัน หากนิ่วมีขนาดใหญ่หรือจำนวนมากจนอุดตันท่อน้ำดี ก็ทำให้อักเสบได้ โดยมีสาเหตุจาก
- คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงเกินไป
- การรับประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ เช่น ปิ้งย่าง
- ผู้ที่รับประทานยาคุมหรือหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย
- ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยโรคเลือด ธาลัสซีเมีย
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- พันธุกรรม
- การได้ยาลดไขมันในเลือดบางชนิด แม้จะทำหน้าที่ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย แต่ขณะเดียวกันอาจเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีเช่นกัน
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง มีน้ำตาลในเลือดสูงมากๆ ถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยกว่าปกติ กลายเป็นน้ำดีคั่งค้างอยู่ถุงน้ำดีนั้น และเริ่มกระบวนการตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วแทน
อาการโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ลักษณะอาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี ประกอบด้วย
- มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร แน่นท้อง ท้องอืด ท้องมีลมมาก แสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย
- ปวดท้อง จุกแน่น บริเวณลิ้นปี่ และอาจปวดร้าวไปบริเวณสะบักด้านขวา (ประมาณ 1-2 ชั่วโมง และหายไป)
- อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย
- เมื่อก้อนนิ่วในถุงน้ำดีสะสมมากขึ้น อาการที่พบจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น มีโอกาสที่ก้อนนิ่วจะหลุดไปค้างในท่อน้ำดี หรือเกิดภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันได้ทุกเวลา ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง
...
นอกจากอาการข้างต้นแล้วยังสามารถสังเกตอาการเพิ่มได้ดังนี้
- ปวดท้อง จุกแน่น เช่นข้างต้นแต่ยาวนานกว่า 4 – 6 ชั่วโมง
- ปวดท้องแบบรุนแรง จุกเสียดมากบริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา ขยับตัวได้ยากเนื่องจากอาการปวด
- มีภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
- หากมีถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ หนาวสั่น ร่วมกับอาการข้างต้น
นิ่วในถุงน้ำดี รักษาได้ไหม
โรคนิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่จำเป็นต้องรักษา หากผู้ป่วยไม่มีอาการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ปัจจุบันการรักษาหลักของโรคนี้คือ การผ่าตัดแบบส่องกล้อง เนื่องจากใช้เวลาไม่นานในการฟื้นตัว
วิธีป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- รับประทานอาหารเป็นเวลา
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
นิ่วในถุงน้ำดี อาจดูเป็นโรคที่ไม่น่ากังวล แต่หากปล่อยไว้ ก็อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้โดยไม่ทันตั้งตัว หากมีอาการผิดปกติหลังรับประทานอาหาร รู้สึกจุกแน่นบริเวณชายโครงขวา ควรรีบปรึกษาแพทย์และหมั่นตรวจเช็กร่างกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ที่มา: โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล, โรงพยาบาลวิมุต