ชาวกรุงเทพฯ เตรียมตัว กทม. กำลังจะเปลี่ยนระบบการคิดค่าเก็บขยะใหม่ พร้อมเงื่อนไขค่าแยกขยะ และวิธีลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay
กรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกแคมเปญ "บ้านนี้ไม่เทรวม" ชวนชาวกรุงเทพฯ ทุกคนมาแยกขยะก่อนทิ้ง พร้อมเปิดตัวแอปพลิเคชัน BKK Waste Pay ให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกันได้ง่ายๆ พร้อมยืนยัน "แยกแล้ว กทม. ไม่เก็บรวมแน่นอน"
ทุกวันนี้กรุงเทพฯ มีขยะเยอะมาก วันละเกือบหมื่นตัน ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและงบประมาณที่ต้องใช้จัดการ นโยบายใหม่นี้จึงเป็นการสนับสนุนให้พวกเราทุกคนช่วยกัน "แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง" โดยเฉพาะขยะเศษอาหารและขยะรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องเอาไปกำจัด และเพิ่มการนำกลับมาใช้ประโยชน์
ข้อบัญญัติค่าธรรมเนียมขยะฉบับใหม่นี้ จะมีผลบังคับใช้ประมาณปลายปี 2568 คาดในช่วงเดือนตุลาคม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการแยกขยะกันอย่างจริงจังมากขึ้น ด้วยมาตรการที่ชัดเจนมากขึ้น ใครที่แยกขยะ ก็จะมีค่าใช้จ่ายน้อยลง
ค่าขยะใหม่ กทม. คิดอย่างไร ต้องจ่ายเท่าไหร่
สำหรับใครที่อยากจ่ายค่าขยะถูกลงเหลือแค่เดือนละ 20 บาท ต้องห้ามพลาด เพราะบ้านพักอาศัยทั่วไปที่มีขยะไม่เกินวันละ 20 ลิตร หรือประมาณ 4 กิโลกรัม ถ้าไม่แยกขยะ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรวม 60 บาท ต่อเดือน (ค่าเก็บขน 30 + ค่ากำจัด 30)
แต่ถ้าแยกขยะ + ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "บ้านนี้ไม่เทรวม": จ่ายลดเหลือแค่ 20 บาท ต่อเดือน (ค่าเก็บขน 10 + ค่ากำจัด 10)
ส่วนผู้ประกอบการที่มีแหล่งกำเนิดขยะเยอะๆ เช่น ร้านค้า บริษัท หรือโรงงาน การแยกขยะก็จะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องทิ้ง ทำให้ค่าธรรมเนียมโดยรวมลดลงตามไปด้วย
วิธีเข้าร่วมโครงการ "บ้านนี้ไม่เทรวม" ลงทะเบียนผ่านแอปฯ BKK Waste Pay
...
การลงทะเบียนผ่านแอปฯ BKK Waste Pay จะช่วยให้บ้านไหนที่มีการแยะขยะจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงเพียงแค่ 20 บาท ต่อเดือน โดยวิธีการที่ง่ายและสะดวกสุดๆ คือ การโหลดแอปฯ BKK Waste Pay แล้วลงทะเบียนได้ทันที (เริ่มลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป)
ลงทะเบียนแบบเดี่ยว: เจ้าของบ้านหรือผู้เช่าบ้านพักอาศัยทั่วไป, หมู่บ้านจัดสรร หรือคอนโด/แฟลต ที่ไม่มีนิติบุคคล
ลงทะเบียนแบบกลุ่ม: (เริ่ม 1 ส.ค. 68) สำหรับหมู่บ้านจัดสรร, คอนโด/อาคารชุด ที่มีนิติบุคคล หรือชุมชน (ทางเขตจะติดต่อนิติบุคคลเอง)
ขั้นตอนการลงทะเบียน BKK Waste Pay
- ดาวน์โหลดแอปฯ BKK Waste Pay
- กรอกข้อมูล เช่น รหัสประจำบ้าน 11 หลัก, ชื่อ-สกุล, เบอร์โทรศัพท์
- เตรียมหลักฐาน โดยระบบจะแจ้งเตือนให้ส่ง ภาพถ่ายการคัดแยกขยะ 4 ประเภท (ขยะเศษอาหาร, ขยะรีไซเคิล, ขยะอันตราย, ขยะทั่วไป) เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568
- รอการยืนยัน และเริ่มจ่ายค่าธรรมเนียมอัตราใหม่ (20 บาท) เมื่อข้อบัญญัติฯ มีผลบังคับใช้ (ประมาณปลายปี 2568)
หากไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่เก็บค่าธรรมเนียม หรือไปลงทะเบียนที่สำนักงานเขตได้เช่นกัน
โดยบ้านที่ลงทะเบียน จะได้รับถุงสำหรับใส่ขยะเศษอาหารฟรีในปีแรก และจะมีการสุ่มตรวจการคัดแยกขยะทุก 3 เดือน
วิธีแยกขยะที่ถูกต้อง ตามกฎเกณฑ์ของโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม”
ขยะเศษอาหาร (Food Waste): เทน้ำออก กรองเอาแต่เศษอาหาร ใส่ถุง มัดปากให้แน่น ทิ้งในถังสีเขียว หรือจุดที่เขตกำหนด โดยทาง กทม. จะนำเศษขยะเหล่านี้ไปทำปุ๋ย น้ำหมัก หรืออาหารสัตว์
ขยะรีไซเคิล (Recyclables): ขวดพลาสติก, แก้ว, กระดาษ, โลหะ ฯลฯ ล้างทำความสะอาด นำไปทิ้งตามจุดรับ - กิจกรรมของเขต หรือ ขายให้ร้านรับซื้อของเก่า หรือใช้บริการแอปฯ รับซื้อขยะ
ขยะอันตราย (Hazardous Waste): ถ่านไฟฉาย, หลอดไฟ, แบตเตอรี่, กระป๋องสเปรย์, ยาหมดอายุ ฯลฯ รวบรวมใส่ถุงใส และเขียนป้ายกำกับบอกชัดเจน นำไปทิ้งที่จุดทิ้งขยะอันตราย (ถังสีส้ม) หรือฝากไปกับรถเก็บขยะ กทม.
ขยะทั่วไป (General Waste): ขยะจำพวกซองขนม, ถุงพลาสติกเปื้อนแกง, กล่องโฟม, เศษผ้า ฯลฯ ที่รีไซเคิลไม่ได้ หรือไม่ใช่ขยะอันตราย และเศษอาหาร ให้เก็บรวบรวมใส่ถุง มัดปาก ทิ้งลงถังขยะสีน้ำเงินตามปกติ
โครงการนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งในการช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของการทิ้งขยะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นการช่วยดูแลเมืองกรุงเทพฯ ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ข้อมูล : กรุงเทพมหานคร