ยุคที่ตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่เติบโตเต็มที่และเหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า การแข่งขันไม่ได้ดุเดือดด้วยสงครามราคาอีกต่อไป แต่หัวใจสำคัญได้เปลี่ยนไปสู่การสร้าง "ความยั่งยืน" อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN WONGNAI ได้มาถอดรหัสให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการบริหารจัดการและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ "ไรเดอร์" ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของธุรกิจ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงผ่าน "ความภักดีต่อแบรนด์" และ "ธรรมาภิบาล"
ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงในตลาด อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ LINE MAN หันมาใช้กลยุทธ์ “Brand Loyalty” และ “ธรรมาภิบาล” แทนการแข่งด้วยราคา
...
นายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ชี้ให้เห็นว่าจุดเปลี่ยนสำคัญคือ "ความอิ่มตัวและเสถียรภาพของตลาด" ในช่วงหลัง ผู้เล่นในตลาดเดลิเวอรี่ลดน้อยลงเหลือเพียง 2 เจ้าใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น LINE MAN หรือ GRAB ทำให้การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรงเท่าในอดีต LINE MAN จึงเปลี่ยนจุดโฟกัสจากเดิมที่เน้น "การเติบโต (Growth)" มาสู่ "ความยั่งยืน (Sustainability)" แทน การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และการดูแลไรเดอร์อย่างมีธรรมาภิบาลจึงกลายเป็นกลยุทธ์หลัก เพื่อสร้างระบบนิเวศที่มั่นคงในระยะยาว
“Brand Loyalty” กลยุทธ์มัดใจไรเดอร์ ฟันเฟืองสำคัญที่ขาดไม่ได้ในวันที่แพลตฟอร์มมีทางเลือก
อิสริยะ ยืนยันว่า “การสร้าง Brand Loyalty เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะในยุค Gig Economy ไรเดอร์มีสถานะเป็นฟรีแลนซ์และมีทางเลือกในการทำงานกับแพลตฟอร์มอื่นได้เสมอ สิ่งที่แพลตฟอร์มกังวลที่สุดคือการไม่มีไรเดอร์เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งจะนำไปสู่การย้ายค่าย”
LINE MAN แก้ปัญหานี้ด้วยการสร้าง "แรงจูงใจที่มากกว่าแค่ค่ารอบ" ผ่าน 3 แกนหลัก ไม่ว่าจะเป็น ความมั่นคงของรายได้ ที่พยายามรักษาระดับงานเฉลี่ยให้คงที่ เพื่อให้ไรเดอร์สามารถคาดการณ์รายได้ของตนเองได้ รวมถึงปริมาณออเดอร์ เพราะ จุดเด่นสำคัญของ LINEMAN คือความมั่นใจว่ามีปริมาณออเดอร์เยอะที่สุด ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดไรเดอร์โดยตรง และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ สวัสดิการและกิจกรรม ที่สร้างความผูกพันและดูแลคุณภาพชีวิต เพื่อให้ไรเดอร์รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและอยู่กับแพลตฟอร์มในระยะยาว
Gig Economy เปลี่ยนนิยาม "ความสำเร็จในอาชีพ" ของคนไทยไปอย่างไร และ LINE MAN วางบทบาทตัวเองในเศรษฐกิจยุคใหม่นี้ไว้อย่างไร
จากมุมมองของรองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN WONGNAI ที่แม้จะไม่ได้นิยาม "ความสำเร็จ" โดยตรง แต่ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของ LINE MAN ในการสนับสนุนความสำเร็จของไรเดอร์ในยุค Gig Economy ดังนี้
- สร้างมาตรฐานความเป็นมืออาชีพ: LINE MAN มองว่าไรเดอร์มีความเชี่ยวชาญในเชิงอาชีพ และมีเกณฑ์วัดผลงานที่ชัดเจน เช่น เรตติ้งที่ดี และการไม่มีคอมเพลน
- เป็นผู้สนับสนุนให้เกิดรายได้ที่คาดการณ์ได้: บทบาทของ LINE MAN คือการบริหารจัดการอุปทาน (ไรเดอร์) และอุปสงค์ (ออเดอร์) ให้สมดุล เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับคนทำงาน
- ยกระดับด้วยเทคโนโลยี: การพัฒนาระบบให้ทันสมัยขึ้น เช่น การใช้ AI คำนวณเวลารับ-ส่ง, การจ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ เพื่อลดขั้นตอนและช่วยให้ไรเดอร์ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โครงการดูแลคุณภาพชีวิตไรเดอร์และครอบครัว ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจในแง่หลายแง่มุม
อิสริยะ กล่าวว่าเป้าหมายหลักในการวัดผลคือ "อัตราการรักษาไรเดอร์ให้อยู่กับแพลตฟอร์ม (Rider Retention)" เพราะ ผลดีต่อธุรกิจคือการลดปัญหาการขาดแคลนไรเดอร์ และสร้างความผูกพันที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่การหารายได้อาจไม่สูงเท่าในเมืองใหญ่ การมีสวัสดิการเหล่านี้จะช่วยให้ไรเดอร์ยังคงเลือกที่จะทำงานกับ LINE MAN ต่อไป โดยในอนาคตมีเป้าหมายจะเพิ่มสวัสดิการให้มากขึ้นผ่านการสำรวจความต้องการของไรเดอร์โดยตรง
...
ความท้าทายของคอมมูนิตี้ไรเดอร์ “หลอมรวมใจฟรีแลนซ์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับองค์กร”
อิสริยะ อธิบายว่าความท้าทาย คือ “การสร้างความรู้สึกผูกพันให้กับกลุ่มคนทำงานอิสระ (ฟรีแลนซ์) ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วไม่ได้มีการเข้าออฟฟิศหรือมีปฏิสัมพันธ์กันเหมือนพนักงานประจำ”
LINE MAN จึงแก้ปัญหานี้ด้วยการจัดตั้ง "ทีมไรเดอร์คอมมูนิตี้" ที่คอยจัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงใหญ่ในหลายจังหวัด เพื่อสร้างพื้นที่ให้ไรเดอร์ได้พบปะและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน โดยฟังเสียงของไรเดอร์โดยตรง โครงการไหนที่พวกเขาชอบและผูกพันมากที่สุด จากข้อมูลที่ได้มา โครงการที่ไรเดอร์ชื่นชอบและผูกพันมากที่สุด คือ กิจกรรมกินข้าวร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่เรียบง่ายแต่สร้างความสัมพันธ์ได้ดีที่สุด อีกทั้งกิจกรรมเสริมทักษะ เช่น Workshop สอนซ่อมมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นทักษะที่นำไปใช้ได้จริง และ กิจกรรมพิเศษตามเทศกาล อย่าง กิจกรรมสำหรับครอบครัวในวันพ่อ วันแม่ หรือวันเด็ก ซึ่งไรเดอร์มองว่าเป็นสิ่งสำคัญ
ความสำเร็จที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่รายได้สูงสุด แต่คือความมั่นคงที่เกิดจากความผูกพันกับแพลตฟอร์ม
...
อิสริยะ ให้ทัศนะว่า “แก่นของการสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนในยุค Gig Economy คือ การสร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ ไม่ใช่การเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ประกอบด้วย การทำงานอย่างมีคุณภาพเป็นพื้นฐาน ไรเดอร์ยังคงต้องทำงานอย่างมืออาชีพเพื่อสร้างเรตติ้งที่ดีและมีรายได้ที่น่าพอใจ
พร้อมความผูกพันกับแพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนเครื่องมือที่สร้างความมั่นคง เพราะแพลตฟอร์มไม่ได้ปล่อยให้ไรเดอร์ทำงานหนักเพียงลำพัง แต่เข้ามามีบทบาทในการ "สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จ" ผ่านการบริหารจัดการออเดอร์ให้มีเสถียรภาพ, การมอบสวัสดิการ และการสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง
ดังนั้น ความสำเร็จที่ยั่งยืนจึงเกิดจากการที่ไรเดอร์ทำงานอย่างเต็มศักยภาพบนแพลตฟอร์มที่มอบความมั่นคงและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของพวกเขา ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์แบบ Win-Win ทั้งสองฝ่าย
เปิดใจ ‘ภัทรศยา’ ไรเดอร์ LINE MAN ชีวิตที่เลือกได้บนสองล้อ ผู้เปลี่ยนความท้าทายเป็นความมั่นคง
...
ภัทรศยา รักษาราษฎร์ อดีตพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ค่าตอบแทนไม่ตอบโจทย์ สู่การเป็นไรเดอร์เต็มตัวมานานกว่า 4 ปี คือ หนึ่งในเสียงยืนยันว่าอาชีพนี้สามารถมอบทั้งอิสระและความมั่นคงได้อย่างแท้จริง เธอเล่าเรื่องราวบนเส้นทางสายนี้ในย่านดินแดง ห้วยขวาง และพญาไท ที่ไม่ได้มีแค่ความท้าทาย แต่เต็มไปด้วยโอกาสและความรู้สึกดีๆ ที่ได้รับจาก LINE MAN
ภัทรศยา เผยว่า ไรเดอร์ก็มีรายได้ที่มั่นคง ที่สามารถเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริง เพราะความท้าทายหลักที่เจอมีเพียงเรื่องรถติด แต่ในแง่รายได้เธอรู้สึกว่า "ทุกวันนี้มั่นคงมาก” โดยเธอเล่าว่าความมั่นคงนี้พิสูจน์ได้จากการที่สามารถผ่อนบ้าน รถยนต์ และโทรศัพท์มือถือได้หมด ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสวัสดิการของ LINE MAN ที่ช่วยให้ไรเดอร์เข้าถึงสินเชื่อเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น
"รายได้พีคสุดเคยทำได้เกือบ 4,000 บาทต่อวัน วันปกติก็ได้มากกว่า 1,000 บาท" เธอมองว่าความท้าทายด้านรายได้เปรียบเสมือน การเล่นเกมเก็บเลเวล เพื่อพิชิตเป้าหมาย Incentive (แรงจูงใจ) ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้สนุกไปกับการทำงาน แม้จะมีไรเดอร์หน้าใหม่เพิ่มขึ้น ก็ไม่รู้สึกว่ากระทบ เพราะจำนวนงานยังคงมีเพียงพอสำหรับทุกคน” ภัทรศยา เล่าให้ฟังถึงความพึงพอใจ
นอกจากนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ "ความใส่ใจ" ที่สัมผัสได้ เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกผูกพันกับ LINE MAN เพราะสวัสดิการและกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกว่า "ไม่ได้ทำงานอยู่คนเดียว แต่มีคนคอยดูแลอยู่เสมอ"
กิจกรรมที่ ภัทรศยา ประทับใจที่สุด คือ โครงการ "พาแม่เที่ยว 1 วันฟินทั่วกรุง" เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ซึ่งเป็นโอกาสล้ำค่าที่ทำให้เธอได้ตอบแทนและใช้เวลากับคุณแม่ หลังจากที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานเพื่อครอบครัว
ภัทรศยา เล่าถึงความรู้สึกนี้ว่า "เรารู้สึกดีมากค่ะ เพราะปกติทำแต่งาน ไม่ค่อยมีเวลาพาแม่เที่ยวเลย นี่เป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้พักและใช้เวลาที่มีค่ากับคุณแม่" นอกจากนี้ กิจกรรมอื่นๆ เช่น การอบรมขับขี่ปลอดภัย, การตรวจสุขภาพฟรี หรือแม้แต่ การนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ ไรเดอร์ ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความใส่ใจ ทำให้คอมมูนิตี้ไรเดอร์แข็งแกร่งและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว