ย้อนรอย "ชุดไทยพระราชนิยม" และพระอัจฉริยภาพของพระพันปีหลวง ผู้พลิกผ้าไทยสู่แฟชั่นระดับโลก

กว่ากึ่งศตวรรษที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงวางรากฐานสำคัญให้กับวงการแฟชั่นและศิลปหัตถกรรมไทย ที่ผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับความร่วมสมัยอย่างลงตัว


และเรื่องราวของฉลองพระองค์อันงดงามเหล่านี้ ถูกจัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ ณ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ผ่านนิทรรศการหลัก 3 ส่วน ที่เป็นเสมือนหลักฐานสำคัญของพระวิสัยทัศน์ที่ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูผ้าไทย แต่ยังส่งเสริมให้คนไทยเห็นคุณค่าและภาคภูมิใจในความเป็นช่างฝีมืออย่างแท้จริง

จุดเริ่มต้นพระราชกรณียกิจในการเสด็จฯ เยือนต่างประเทศเมื่อ พ.ศ. 2503 ในฐานะตัวแทนของสตรีไทย เป็นจุดกำเนิดของ "ชุดไทยพระราชนิยม" ทั้ง 8 แบบ ซึ่งทรงมีพระราชวินิจฉัยให้รังสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์และความสง่างามของสตรีไทยในเวทีสากล โดยชื่อชุดไทยแต่ละแบบ มาจากชื่อพระที่นั่งและพระตำหนักภายในพระบรมมหาราชวัง

...

ผ่านการเล่าเรื่องโดย คุณ อลิสา ใสเศวตรวารี ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไว้ดังนี้

1. นิทรรศการสิริราชพัสตรา พระบรมราชินีนาถ เป็นการจัดแสดงฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่วนมากตัดเย็บจากผ้าไทย แบ่งเป็นยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960-2000

2. ส่วนนิทรรศการชุดไทยจากราชสำนักสู่พระราชนิยม จะเป็นเรื่องของพระราชวินิจฉัยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ

3. นิทรรศการราชภูษิตราพร สยาม เป็นการจัดแสดงผ้าโบราณในราชสำนักสยาม


พระองค์ท่านทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก และทำให้ประเทศไทยได้เป็นที่รู้จักเมื่อ พ.ศ. 2503

พระองค์ท่านต้องโดยเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไปทรงเยือนประเทศต่างๆ ในยุโรปและอเมริกา ตอนนั้นพระองค์ท่านเสด็จไปในฐานะตัวแทนของสตรีไทย ต้องแสดงถึงความเป็นไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาของเรา จึงเป็นที่มาของการมีชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ ให้คนได้เห็นว่านี่คือชุดไทยของคนไทย

ซึ่งชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ มีชื่อมาจากพระที่นั่งและพระตำหนักในพระบรมมหาราชวัง และพระราชวังดุสิต

ทั้งนี้สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ท่านทรงเป็นต้นแบบและทรงเป็นผู้นำในการนำผ้าไทยมาตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ และทรงให้พระราชดำแนะนำแก่ผู้ทอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบสไตล์สีสันให้เข้ากับชีวิตในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่พระองค์ท่านทำมาโดยตลอด ปัจจุบันจะเห็นว่าผ้าไทยมีหลากหลายสีหลายรูปแบบหลายลวดลาย และไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการเลือกใช้ผ้า ก็สามารถเลือกใช้ได้

ต้นแบบฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมทั้ง 8 แบบ มีอะไรบ้าง ลักษณะของชุด และแต่ละชุดใช้ในพระราชพิธีแบบใด

1. ชุดไทยเรือนต้น

เป็นเสื้อคอกลมแขนสามส่วน ผ้าซิ่นป้าย ใช้เป็นผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ หรือผ้าไหมพื้นก็ได้ เหมาะกับงานช่วงเช้า ไปวัดทำบุญ

2. ชุดไทยจิตลดา และ 3. ชุดไทยอัมรินทร์

จะเป็นรูปแบบที่เหมือนกัน จะเป็นเสื้อคอตั้งแขนยาว และผ้าซิ่นป้าย ความต่างระหว่างจิตลดากับอัมรินทร์คือ ผ้านุ่งที่ใช้ ถ้าเป็นจิตลดา จะเป็นผ้าที่มีความเรียบกว่า จะไม่มีการยกทอง แต่ถ้าเป็นชุดไทยอัมรินทร์จะเป็นการยกทอง เหมาะกับงานกลางคืน งานพระราชพิธี

4. ชุดไทยบรมพิมาน

เป็นชุดติดกัน ผ้านุ่งจีบหน้า และเป็นเสื้อคอตั้งแขนยาว ใส่คู่กับสร้อยทับทรวงและเข็มขัด หรือสังวาลย์ก็ได้

5. ชุดไทยดุสิต

ชุดไทยดุสิต ท่อนบนเป็นเสื้อไม่มีแขน ผ้านุ่งเป็นแบบจีบหน้า และเป็นชุดติดกัน เหมาะกับงานกลางคืน ส่วนบนจะมีการปักประดับที่สวยงาม

6. ชุดไทยจักรี

จะเป็นชุดไทยที่เราคุ้นเคยกัน ส่วนบนเป็นสไบ และผ้านุ่งเป็นแบบจีบหน้า ใส่คู่กับสร้อยทับทรวงและเข็มขัด และเป็นสไบจีบหรือเพิ่มงานปักให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นได้เช่นกัน เหมาะกับงานกลางคืน งานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ

7. ชุดไทยศิวาลัย

...

เป็นชุดคอตั้ง แขนยาว มีสะพัก (ผ้าห่มเฉียงบ่า) หรือสไบชั้นนอกอีกชั้นหนึ่ง และเป็นผ้านุ่งจีบหน้า มีการปักประดับที่สวยงาม ใช้ในงานสำคัญเช่นกัน 

8. ชุดไทยจักรพรรดิ

จะเห็นเป็นสไบจับชั้นนอก เป็นสะพักที่มีการปักประดับ และเป็นผ้านุ่งแบบจีบหน้า ใช้ในงานสำคัญ งานกลางคืน

นอกจากนี้ พระองค์ท่านจะมีพระราชดำรัสเสมอๆว่า "คนไทยทุกคนมีความเป็นช่างฝีมืออยู่ในตัว ขอเพียงแค่โอกาสในการแสดงออกเท่านั้น" จะเห็นว่าพระองค์ท่านทรงส่งเสริม ทรงฟื้นฟูงานศิลปะหลากหลายรูปแบบเพื่อให้งานเหล่านี้ยังคงอยู่มาในปัจจุบัน

รับชมเพิ่มเติม:

...