Uniqlo พลิกโฉมอุตสาหกรรมแฟชั่น ลดก๊าซเรือนกระจกทะลุ 70% หนุน RE.UNIQLO สร้างคุณค่าให้เสื้อผ้าเก่า

Business & Marketing

Corporates & Leadership

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Uniqlo พลิกโฉมอุตสาหกรรมแฟชั่น ลดก๊าซเรือนกระจกทะลุ 70% หนุน RE.UNIQLO สร้างคุณค่าให้เสื้อผ้าเก่า

Date Time: 31 ม.ค. 2568 20:35 น.

Video

สูตรลับ DCA ให้รวย ไม่ใช่แค่สม่ำเสมอ แต่ต้องลงทุนให้ถูกตัว ถูกจังหวะ l Money Secret EP.6

Summary

เปิดแนวคิดโมเดลธุรกิจหมุนเวียนแบบ “Uniqlo” นำปรัชญา “LifeWear Fashion” ที่ไม่ใช่แค่งานดีไซน์ แต่ปรับใช้ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ปรับวงจรการผลิต คุมสต็อกกระตุ้นลูกค้าทั่วโลกหมุนเวียนเสื้อผ้า อวดตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต (Owned Operation) ได้แล้ว 69.4% ในปี 2023 สัดส่วนการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตเสื้อผ้า ทั้งโพลีเอสเตอร์ ไนลอน ค็อตตอนในปี 2024 เพิ่มขึ้นเป็น 18.2%

Latest


Uniqlo ประเทศไทย ประกาศเดินหน้าสร้างค่านิยม การหมุนเวียนใช้เสื้อผ้า สร้างความตระหนักรู้ให้คนไทยรู้จักใช้เสื้อผ้าให้คุ้มค่าที่สุด เผย ปี 67 ลูกค้ากว่า 18% ซื้อเสื้อผ้า Uniqlo และนำมาใช้บริการ RE.UNIQLO Studio  สานต่อแนวคิด “LifeWear = a New Industry” บริหารอาณาจักรเสื้อผ้าทั้งซัพพลายเชนให้ดีขึ้นเพื่อผู้คน สังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่ คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต การจัดส่งและการนำกลับมาใช้ใหม่ ย้ำให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบ

นายโยชิทาเกะ วาคะกุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า Fast Retailing บริษัทแม่ของ Uniqlo ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนและแผนปฏิบัติการสำหรับปีงบประมาณ 2030 โดยมี 2 แกนหลัก คือ ผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คน และ ผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม

โดยปัจจุบัน Uniqlo ทั่วโลกตั้งเป้า “ขยะเป็นศูนย์” (Zero Waste) มุ่งลดขยะจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนถุงพลาสติกที่ใช้โดยใส่ผลิตภัณฑ์หลายชิ้นในบรรจุภัณฑ์เดียวจากโรงงานไปยังร้านทุกแห่ง การใช้วัสดุรีไซเคิลการเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน (I-REC) 100% ในสาขาและสำนักงานใหญ่ รวมถึงการสร้างความโปร่งใสและปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดกระทบต่อรอบข้าง

“นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ได้มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนและแผนปฏิบัติการสำหรับปีงบประมาณ 2030 ปัจจุบัน Uniqlo สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต (Owned Operation) ได้แล้ว 69.4% ในปี 2023 และ 10% จากในส่วนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่งรวมถึงการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตวัตถุดิบ การผลิตวัสดุ และการตัดเย็บที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Uniqlo และแบรนด์ GU นอกจากนี้สัดส่วนการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตเสื้อผ้า ทั้งโพลีเอสเตอร์ ไนลอน ค็อตตอนในปี 2024 เพิ่มขึ้นเป็น 18.2% จากปีก่อน”

เน้นผลิตเท่าที่ขายได้

วาคะกุวะ กล่าวเพิ่มเติมว่า Uniqlo ให้ความสำคัญกับการควบคุมบริหารสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการนำข้อมูลการซื้อขายผลิตภัณฑ์สุทธิทั้งปีมาคาดการณ์ยอดขายล่วงหน้าเพื่อวางแผนในการผลิตให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการขายในปีนั้น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสินค้า Overstock พร้อมทั้งการสร้างระบบในการรับฟังลูกค้าเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำเสื้อผ้าตามความต้องการผู้บริโภค ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นความท้าทาย คือ การปรับเปลี่ยนในด้านของห่วงโซ่อุปทานที่ต้องใช้เวลา การไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการไปสู่เงื่อนไขต่าง ๆ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายใต้แบรนด์ Uniqlo อยู่ที่ประมาณ 700 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยมีพันธมิตรคู่ค้าที่หลากหลาย อาทิ ผู้จัดหาวัตถุดิบ โรงงานที่รับผลิตหรือผู้ดูแลเรื่องการจัดส่ง ทำให้การปรับเปลี่ยนด้านห่วงโซ่อุปทานยังล่าช้า

LifeWear’s Design Philosophy 

วาคะกุวะ กล่าวว่า “LifeWear = a New Industry” คือ แนวคิดที่ไม่ใช่แค่เรื่องการออกแบบแต่ถูกนำมาปรับใช้เป็นแนวทางการบริหารระบบซัพพลายเชนทั้งหมดให้ดียิ่งขึ้น ควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้โดยตรงตั้งแต่ คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต สิ่งแวดล้อม รวมถึงสิทธิพื้นฐานของแรงงาน

ดังนั้นแนวคิด “LifeWear” คือ เสื้อผ้าที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้สวมใส่มีชีวิตที่ดีขึ้น (The Power of Clothing) ดังที่เราจะเห็นจากเสื้อผ้าของแบรนด์ที่จะเน้นฟังก์ชัน ด้วยการดึงจุดเด่นของวัสดุประเภทต่างๆ มาผลิตเพื่อปลดล็อกพลังของเสื้อผ้าที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งนับเป็นคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่จะพัฒนาเสื้อผ้าคุณภาพสูง ต่อเนื่องไปสู่ห่วงโซ่อุปทานที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน

อ่านเพิ่มเติม

ขณะเดียวกัน Uniqlo มีความตั้งใจที่จะเร่งการแสวงหาโมเดลธุรกิจแบบหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการค่านิยมการหมุนเวียนใช้เสื้อผ้าให้กับสังคม ในแง่ของการลด (reduce) การใช้ซ้ำ (reuse) และการรีไซเคิลเสื้อผ้าและทรัพยากร (recycle) เพื่อยืดอายุการใช้งาน ทำให้คนไทยรู้จักใช้เสื้อผ้าให้คุ้มค่า โดยในปี 2558 Uniqlo ก็ได้เปิดตัวด้วยโครงการ “RE.UNIQLO” ที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับเสื้อผ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว โดยมีจุดประสงค์ผลักดันแนวทาง “การใช้เสื้อผ้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

อัปเดตภาพรวมการผลักดันด้านความยั่งยืนของ Uniqlo ประเทศไทย

สำหรับปีที่ผ่านมา Uniqlo ได้เริ่มดำเนินการด้านความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อช่วยผลักดันแผนการด้านความยั่งยืนในประเทศไทย อาทิ ความร่วมมือกับ UNESCO สำหรับโครงการ “Sustaining Our OCEANS” ความร่วมมือกับ GC และสาธิตจุฬา สำหรับการนำวัสดุที่ถูกใช้งานแล้วมาใช้งานใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ยังมุ่งสนับสนุนให้คนไทยใช้ไอเทม LifeWear ที่มีอยู่ให้ยาวนานและยั่งยืนยิ่งขึ้นผ่านบริการ RE.UNIQLO Studio สร้างสรรค์ลายปักใหม่ๆ

โดยตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้บริจาคเสื้อผ้าและส่งเสริมการนำกลับมาใช้ไปแล้วกว่า 1.3 ล้านตัว โดยหลังจากเปิดตัวครั้งแรกที่ เซ็นทรัลเวิลด์ มีลูกค้ากว่า 18% ซื้อเสื้อผ้ายูนิโคล่และนำมาใช้บริการ RE.UNIQLO Studio ต่อ และมีคำสั่งซื้อมากกว่า 16,000 รายการนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ โดยในปี 2567 ปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 194% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

นอกจากนี้โครงการ RE.UNIQLO ‘Warmth for All’ บริจาคเสื้อผ้ากันหนาว 50,000 ตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยหนาวในภาคเหนือที่ได้ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 โดยปี 2024 ได้รับการบริจาคเสื้อผ้ากว่า 122,835 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 130% จากปี 2023) โดยมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กกว่า 15,847 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 158.2% จากปี 2023)

โดยปัจจุบัน Uniqlo ยังเปิดรับบริจาคที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขาทั่วประเทศตลอดทั้งปี พร้อมทั้งขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กว่า 18 แห่ง ทั้งภาคธุรกิจ และ สถานศึกษาเพื่อขยายจุดรับบริจาคเสื้อผ้านอกร้านทำให้เกิดการตระหนักรู้ถึงโครงการและการบริจาคในวงกว้างยิ่งขึ้น วาคะกุวะ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ