จากโครงการแรก "บ้านไข่มุก" ที่มูลค่าพุ่งสิบเท่า สู่การเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ด้วยปรัชญา "Constructing Life, not Just A Building"
เมื่อกล่าวถึงแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย แสนสิริคือหนึ่งในชื่อที่ผู้คนจดจำได้อย่างแม่นยำ ไม่เพียงแต่ในฐานะบริษัทที่ครองตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรม แต่ยังเป็นองค์กรที่สร้างมาตรฐานใหม่ในการดำรงชีวิตของคนไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี แสนสิริได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่มาจากการวางรากฐานอันแน่นหนาและการมองการณ์ไกลที่ว่า "การสร้างบ้านไม่ใช่เพียงการสร้างที่อยู่อาศัย แต่คือการ "สร้างคุณภาพชีวิต และประสบการณ์การอยู่อาศัย"
รากฐานแห่งความสำเร็จ: DNA ที่สั่งสมมา 4 ทศวรรษ
การเดินทางของแสนสิริเริ่มต้นจากวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน คือการสร้างสินค้าที่ดีที่สุด โครงการแรก "บ้านไข่มุก" ที่หัวหิน ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลทองของหาดหัวหินเพียง 2 กิโลเมตร กลายเป็นบทพิสูจน์ที่ทรงพลัง เมื่อ 40 ปีผ่านไป บ้านที่เคยขายในราคา 8 ล้านบาท วันนี้มีมูลค่าพุ่งขึ้นเป็น 80 ล้านบาท โดยที่เจ้าของยังไม่มีใครคิดจะขาย
จุดเริ่มต้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มาจากแนวคิดการใช้สถาปนิกระดับโลกอย่าง John Rifenberg และ Rergrit รวมถึงการลงทุนในงานดีไซน์ที่มีคุณภาพสูงสุด รวมถึงการจดสิทธิบัตรกระเบื้องโมเสคสีเหลืองที่กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแสนสิริ ความมุ่งมั่นในการสร้าง "Timeless Value" นี้เองที่หล่อหลอมให้เกิดเป็น DNA องค์กรที่แข็งแกร่ง
องค์กรแห่งนี้ได้ปลูกฝัง DNA หลัก 5 ประการให้แก่พนักงานทุกคน ประกอบด้วย Speed to Market ที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้รวดเร็วทั้งในช่วงโอกาสและวิกฤติ, Attention to Detail ที่ทำให้ทุกงานมีความละเอียดถี่ถ้วน, การคิดนอกกรอบเพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ที่เป็นแรงบันดาลใจ, ความเป็นเจ้าของ (Ownership) ในหน้าที่ของตนเอง และการเป็น Good Citizen ที่สร้างคุณค่าให้กับสังคมและชุมชน
จุดเปลี่ยนสำคัญ: เมื่อวิกฤติกลายเป็นโอกาส
ช่วงการระบาดของโควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแสนสิริ ในขณะที่หลายองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทาย ผู้บริหารแสนสิริกลับมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ด้วยการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางแผนรองรับทุกสถานการณ์ การดูแลลูกค้าที่ต้องกักตัวด้วยการส่งอาหาร เครื่องดื่ม และบริการต่างๆ ถึงหน้าห้อง ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจอย่างลึกซึ้ง
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ แสนสิริสามารถจับกระแสการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ เมื่อผู้คนเริ่มต้องการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับทำงานจากบ้าน สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต บริษัทจึงปรับ portfolio จากการมุ่งเน้นคอนโดมิเนียม 70% กลับมาเป็นโครงการแนวราบ 70% ภายในเวลาไม่กี่ปี
ปรัชญาแห่ง 4 เสาหลัก: ความสมดุลที่ยั่งยืน
แสนสิริยึดมั่นในปรัชญา 4 เสาหลัก ที่ต้องสร้างความสมดุลให้ได้ ได้แก่ ลูกค้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของทุกการตัดสินใจ พนักงาน ที่ต้องมีความสุขและ Work-Life Balance เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ผู้ถือหุ้น ที่ต้องได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม และสังคม ที่บริษัทต้องสร้างคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
สำหรับพนักงาน แสนสิริมีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากองค์กรทั่วไป เช่น ค่าทุนการศึกษาบุตร และการให้วันลาพ่อเพื่อไปดูแลภรรยาที่คลอดบุตร เพราะเชื่อว่าพ่อและแม่ควรมีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกเท่าเทียมกัน การออกแบบสำนักงานแบบ Co-working Space ที่ไม่มีที่นั่งประจำ รวมถึงการที่ผู้บริหารนั่งรวมกับพนักงานใน Coffee Corner เพื่อสร้างการสื่อสารที่เปิดกว้างและรวดเร็ว
นวัตกรรมที่ก้าวไปข้างหน้า: Complete Living Experience
แสนสิริไม่ได้หยุดอยู่แค่การสร้างบ้าน แต่มุ่งสู่การสร้าง "Complete Living" ด้วยการพัฒนา 15 Community ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่แต่ละแห่งมีไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว ครอบคลุมทุกทิศทางตั้งแต่ตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้
เทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญ ด้วยระบบ Home Service Application ที่ให้ลูกบ้านสามารถติดตามข้อมูลบ้าน กิจกรรมในชุมชน และระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 ที่ใช้ AI Technology ในการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติ แม้จะเป็นการยืนบนดาดฟ้าในจุดเสี่ยง ระบบก็สามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ได้ทันที
ที่น่าสนใจคือระบบบันทึกข้อมูลสัตว์เลี้ยงของแต่ละบ้าน ทำให้เมื่อสัตว์เลี้ยงหลุดออกไป ทีมงานสามารถส่งคืนให้เจ้าของได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการบันทึกทะเบียนรถทุกคันที่เข้า-ออก ช่วยแก้ปัญหาเมื่อลูกบ้านลืมของในรถแท็กซี่
ความเป็นเลิศทางการออกแบบ: จากรายละเอียดสู่ศิลปะแห่งการอยู่อาศัย
งานดีไซน์ของแสนสิริไม่ใช่เพียงการสร้างความสวยงาม แต่เป็นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เพื่อออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างแท้จริง การร่วมมือกับสถาปนิกและดีไซเนอร์ระดับโลก การคัดสรรวัสดุจากทั่วโลก และการลงรายละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกหินแต่ละแผ่นให้มีเส้นสายและแร่ธาตุที่สวยงาม
การออกแบบของแสนสิริคำนึงถึงแสงธรรมชาติ ต้นไม้ งานศิลปะ และของตกแต่งที่คัดสรรมาจากทั่วโลก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านที่มีชีวิต ไม่ใช่เพียงห้องตัวอย่างที่สวยงามแต่ขาดความอบอุ่น
แคมเปญ "Every day... Life is good ทุกวัน ชีวิตดี": การสื่อสารที่ตรงใจคนรุ่นใหม่
หลังจาก 10 ปีที่ผ่านมา แสนสิริได้นำภาพขาวดำกลับมาใช้ในแคมเปญ "Every day...Life is good" ด้วยการสร้างภาพยนตร์ 12 เรื่อง ที่เล่าเรื่องราวชีวิตแบบต่างๆ เพราะเชื่อว่าความหมายของ "ชีวิตดี" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนต้องการบ้านหลังใหญ่ บางคนต้องการเพียงพื้นที่เล็กๆ ที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้
การใช้ภาพขาวดำประกอบเพลงอิเล็กทรอนิกส์ที่ดูขัดแย้งกัน สร้างความแปลกใหม่และโดดเด่นท่ามกลางสื่อโฆษณาทั่วไป ซึ่งสะท้อนแนวคิดของแสนสิริที่ไม่เคยอยู่ในกรอบเดิม แต่กล้าคิดนอกกรอบเสมอ
วิสัยทัศน์ 50 ปี: บ้านรักษ์โลกและการเป็น Inspirer
มองไปสู่อนาคต แสนสิริตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพียงการเป็นผู้นำตลาด แต่ต้องการเป็น "Inspirer" ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ธุรกิจอื่นๆ ร่วมยกระดับอุตสาหกรรม
ให้ความสำคัญกับการสร้างบ้านที่สามารถลดการใช้พลังงานได้ 83% ด้วยแนวคิด Health and Well-being Design ใช้เทคโนโลยี Solar Roof, Solar Battery, Cool Living Design และวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงระบบกรองอากาศที่ทำให้บ้านปลอดฝุ่น เพื่อตอบสนองเป้าหมาย Net Zero ปี 2050
การเดินทาง 41 ปี แสนสิริได้พิสูจน์แล้วว่าความสำเร็จที่ยั่งยืนไม่ได้มาจากการขายสินค้า แต่มาจากการสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้คน ปรัชญา "Constructing Life, not Just A Building" ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับสังคมไทยในทุกมิติ จากบ้านที่อยู่อาศัย สู่ชุมชนที่น่าอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนเพื่อรุ่นต่อรุ่น