ม.รังสิต รุกธุรกิจการแพทย์ทุ่ม 7.5 พันล้านบาท ผุดโรงพยาบาล อาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นเนล ยึดหัวหาดทำเลทองเพชรบุรีตัดใหม่ เจาะลูกค้าต่างชาติ คนไทย ชูจุดแข็งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คาดเสร็จปี 2570
นายอภิวัฒิ อุไรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RSU International Hospital – RIH กล่าวว่า มหาวิทยาลัยรังสิตกำลังเดินหน้าดำเนินธุรกิจโรงพยาบาล ภายใต้ชื่อโรงพยาบาล อาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นเนล ซึ่งล่าสุดได้ จัดพิธีลงนามสัญญาการก่อสร้างหลักกับบริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) และสัญญาว่าจ้างระบบสัญจรแนวดิ่งกับบริษัท โคเน่ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา โดยมี ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานกรรมการ และคุณอภิวัฒิ อุไรรัตน์ พร้อมทั้งคณะผู้บริหารของแต่ละองค์กรเข้าร่วม
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยรังสิตได้เล็งเห็นศักยภาพว่ามีความเชี่ยวชาญด้านแพทย์ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาลเครือพญาไทเมื่อ 30-40 ปีก่อน หลังจากนั้นได้มาสร้างมหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อเป็นการเสริมสร้าง บุคลากรทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ พยาบาล เทคนิคการแพทย์ รังสีเทคนิค ทั้งนี้โรงพยาบาลอาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นเนล จะให้บริการทางการแพทย์อย่างครบถ้วน ด้วยเทคโนโลยีที่สูงขึ้นไป เพื่อสามารถรองรับความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของประเทศไทย
โดยโรงพยาบาลอาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นเนลจะมี 280 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้ประมาณวันละ 3,000 คน ผู้ป่วยในประมาณ 300-400 คนต่อวัน ด้วยลงทุนประมาณ 7,000-7,500 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลทองถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นับได้ว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ติดถนนใหญ่
สำหรับความพิเศษของโรงพยาบาล คือได้รับการสนับสนุนจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณณ์ รวมถึงทีมบริหารที่มีประสบการณ์ในการบริหารโรงพยาบาลเอกชนทั้งเครือโรงพยาบาลพญาไท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โรงพยาบาลกรุงเทพ ที่จะเข้ามาช่วยกันสร้างเสริมความแข็งแกร่งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ไปได้
โดยจะมีการก่อสร้างในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2570 เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่างชาติ 30 -40% กลุ่ม CLMV เอเชีย ยุโรป และอเมริกา ที่เหลือจะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย 60-70% โดยราคาจะสามารถแข่งขันได้ ส่วนทำเลดังกล่าวเป็นทำเลที่มีการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลสูง แต่เราสามารถเป็นพันธมิตรได้กับทุกโรงพยาบาลสามารถช่วยเหลือ และสร้างเสริมความแข็งแกร่งของโรงพยาบาล
นายอภิวัฒิ กล่าวอีกว่า จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือ ใกล้ทางด่วน ใกล้จุดเดินทางเชื่อมโยงให้บริการได้สะดวก ทั้งนี้โรงพยาบาลจะให้ความร่วมมือกับคณะต่างๆในมหาวิทยาลัยรังสิต เช่น ความร่วมมือด้านการวิจัย การสร้างเสริม Training บุคลากร พยายามสร้างบุคลากร และกำหนดหลักสูตรต่างๆ เช่นการให้ทุนการศึกษาเพื่อจะสนับสนุนการทำงานในโรงพยาบาลของเรา สามารถป้อนบุคคลการจากมหาวิทยาลัยรังสิตเข้าสู่โรงพยาบาลได้ สำหรับคณะที่ยังขาดแคลน คือ รังสีเทคนิค เทคนิคการแพทย์ พยายาบาล กำลังเป็นที่ต้องการอยากมาก
นอกจากนี้โรงพยาบาลอาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นเนล ยังจะชูจุดเด่นเรื่องการรักษาโรคหัวใจ โรคมะเร็ง (Cancer) โรคทางออร์โธปิดิกส์ โรคยากซับซ้อนต่างๆ นอกจากนี้ยังโรงพยาบาลแห่งแรกที่ดูแลผู้ป่วยด้วยการสร้างคุณภาพสภาพแวดล้อมภายในอาคาร Indoor Environmental Quality (IEQ) ที่เหนือกว่าข้อกำหนดตามมาตรฐานเพื่อการบำบัด ฟื้นฟูสุขภาพ และสุขภาพที่ดี เป็นการออกแบบอาคารอัจฉริยะที่เลียนแบบร่างกายมนุษย์ที่เป็นรูปแบบอุดมคติของโรงพยาบาล วางทิศอาคารอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมีการวางแกนอาคารเป็น 2 แกนที่สนับสนุนกัน มีระบบบริการที่สำรองเป็น 2 ระบบ วางอุปกรณ์ที่มีเสียงและการสั่นสะเทือนไว้ที่อาคารจอดรถแยกออกอาคารหลัก ทิศทางการนำอากาศเข้า ออกอยู่ในทิศทางตรงกันข้าม แยกพื้นที่และทางเดินการซ่อมบำรุงออกจากพื้นที่บริการทางการแพทย์ มีเพดานสูงเพื่อลดลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคในระดับการหายใจ นอกจากการออกแบบเพื่อให้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานโรงพยาบาลสากล JCI, AACI และ ANSI/ASHRAE/ASHE 170-2021: Ventilation of Health Care Facilities Standard ที่เป็นมาตรฐานขั้นสูงโรงพยาบาล RIH ยังออกแบบด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยดด้านต่าง ๆ After COVID 19 Design ดังนี้
1. นวัตกรรมการปรับอากาศและระบายอากาศ : นอกจากการออกแบบให้มีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความสบาย และการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันการแพร่ของเชื้อโรค และรักษาความสะอาดของอากาศ เสริมด้วยนวัตกรรมการปรับอากาศและระบายอากาศแบบเฉพาะห้อง (Localized Target Air-conditioning) เพื่อป้องกันการแพร่ข้ามของเชื้อโรคระหว่างห้อง ภายในห้องควบคุมทิศทางการไหลของอากาศ ควบคุมความดันของห้อง ปลอดระบบท่อลมและการสะสมเชื้อรา และฆ่าเชื้อโรคในอากาศด้วยแสง UV สำหรับห้องตรวจ, ICU เป็นต้น
ห้องเพดานสูงช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในอากาศและความเสี่ยงจากการติดเชื้อโรคทางอากาศระบบการปรับอากาศของห้องพักผู้ป่วย เป็นแบบควบคุมทิศทางการไหลของอากาศจากหน้าห้องไปยังหลังห้องเพื่อป้องกันการปะปนกับอากาศจากห้องน้ำที่เป็นมลภาวะ และระบายอากาศทิ้งจากห้องน้ำออกสู่ภายนอกอาคารโดยตรงเป็นอิสระแต่ละห้อง เพื่อรับประกันคุณภาพความสะอาดของอากาศที่มีความสำคัญต่อสุขภาพของผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์
2. นวัตกรรมการออกแบบระบบสุขาภิบาล : การออกแบบให้ระบบท่อน้ำเสียส่วนใหญ่อยู่นอกพื้นที่ปรับอากาศ เพื่อป้องกันการแพร่ของเชื้อโรคในระหว่างการซ่อมบำรุงระบบท่อน้ำเสีย และใช้หัวระบายน้ำพื้นที่มีคุณสมบัติป้องกันกลิ่น เพื่อป้องกันปัญหาห้องน้ำที่มีกลิ่นเหม็น และเชื้อโรคจากหัวรับน้ำทิ้ง
3. แสงธรรมชาติ : มีการจัดให้แสงธรรมชาติเข้ามาสู่พื้นที่ภายในอาคารให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อารมณ์ การนอน และการฟื้นไข้ของผู้ป่วย ห้องพักผู้ป่วย ออกแบบให้ห้องน้ำติดผนังภายนอกอาคารเพื่อให้ห้องน้ำได้แสงธรรมชาติ ภายในห้องออกแบบให้บริเวณเตียงผู้ป่วยมีระดับแสงธรรมชาติที่เหมาะสมกับการพักผ่อน และไม่ได้ถูกรบกวนจากแสงจ้าและความร้อน
4. การออกแบบเพื่อความรักในชีวิต : ออกแบบพื้นที่ต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ให้ผู้ป่วย ผู้ใช้บริการ รวมทั้งบุคคลากรทางการแพทย์เข้าถึงพื้นที่สีเขียว เพื่อช่วย การบำบัดด้วยธรรมชาติ จิตใจ อาการซึมเศร้า โดยมีสัญลักษณ์ของอาคารที่เป็นจุดเด่นคือ หอสุริยประทีป บริเวณหน้าทางเข้าอาคาร ที่ประกอบด้วยสวนยกระดับที่เป็นพื้นที่สีเขียว ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งจากในและภายนอกอาคาร หอนี้ยังช่วยบำบัดมลภาวะทางอากาศจากถนน และเป็นดวงปทีปแห่งชีวิตที่ให้ความสว่างในยามค่ำคืน
5. พร้อมรองรับเทคโนโลยีทางการแพทย์ในอนาคต : รูปแบบของอาคารปลอดการสั่นสะเทือน และระบบปรับอากาศแบบเฉพาะพื้นที่ (Localized Target Air-Conditioning) ทำให้สามารถรองรับเทคโนโลยีการรักษาในอนาคตด้วยเครื่องมือแม่นยำสูง หุ่นยนต์ และการรักษาแบบมุ่งเป้า Patient Centric โดยให้บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงผู้ป่วยจากแกนอาคารแนวรัศมีที่มีก้าวเดินน้อยที่สุด
6. การออกแบบเพื่อความยั่งยืน : อาคารได้รับการออกแบบตามมาตรฐานอาคารเขียวในระดับทอง เช่น TREES, LEED, WELL Standards และเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน เป็นอาคารที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ ออกแบบเพื่อส่งเสริมวิธีการก่อสร้างจากโรงงาน (Factory Build) ลดขยะจากการก่อสร้างตามหลักการ Circular Economy เพื่อให้มีผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
7. พร้อมรองรับภัยพิบัติ : After COVID 19 Design รวมถึงการวางผังชั้นที่ 15 สำหรับ EID-Emerging Infectious Disease เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคระบาด โดยมีความดันอากาศของห้องที่ควบคุม บวกหรือลบได้, ศูนย์ผู้ป่วยฉุกเฉิน และศูนย์อุบัติเหตุ, ความปลอดภัยด้านอัคคีภัยที่ทุกชั้นของอาคารแบ่งเป็นพื้นที่ป้องกัน 2 พื้นที่ (Defend in Place), ระบบไฟฟ้าสำรอง, ระบบป้องกันน้ำท่วม, การป้องกันฝุ่น PM2.5 อีกด้วย
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. รับมอบรางวัล IPTC Distinguished Achievement จาก Dr. Pinar O. Yilmaz IPTC Board Chair ในงานประชุมนานาชาติ International Petroleum Technology Conference ครั้งที่ 17 หรือ IPTC 2025 จากบทบาทและความสำเร็จในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การมอบรางวัลดังกล่าวจัดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
WONTECH ASIA หรือ วอนเทค เอเชีย ผู้นำด้านความงามและการแพทย์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่เพิ่งเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย พร้อมส่งนวัตกรรม Oligio (โอลิจิโอ้) โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ด้วยคลื่นวิทยุแบบขั้วเดี่ยว มาตีตลาดเมื่อปี 2024 ได้สร้างปรากฏการณ์เขย่าตลาดความงามด้วยยอดขายทะลุเป้าถึง 400 ล้านบาท คิดเป็น 163% ลั่นปีนี้ 2025 ลุยจับมือพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับคลินิกความงามทั่วประเทศ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด และ Aging 40+ ตั้งเป้าปีนี้กวาดรายได้ 800 ล้าน