“แอร์บัส” ไม่หวั่นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เร่ขายเครื่องโบอิ้ง ขอมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี หยอดคำหวานไทยเป็นผู้นำระดับโลกด้านการบินและมีศักยภาพในการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) เผยคำสั่งซื้อเครื่องบินทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่งมาจากเอเชียแปซิฟิก ลงทุนจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบินแห่งแรกในไทย
นายอานันท์ สแตนลีย์ ประธานแอร์บัสประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยถึงการเติบโตในอุตสาหกรรมการบินว่า อุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตเร็วที่สุดในโลก และประเทศไทยขณะนี้ ถือได้ว่าเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการบิน มีอัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน เทคโนโลยีด้านการบิน และคำสั่งซื้ออากาศยานจำนวนมาก โดยแอร์บัสประเมินว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีความต้องการเครื่องบินใหม่ประมาณ 20,000 ลำ ภายใน 20 ปีข้างหน้า “ความต้องการเครื่องบินถึงครึ่งหนึ่ง มาจากภูมิภาคเอเชีย และไทยเป็น 1 ในประเทศที่มีความต้องการเครื่องบินเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค”
“ปี 2568 แอร์บัสคาดว่าจะส่งมอบเครื่องบินทั่วโลกเป็นจำนวนรวม 820 ลำ และคำสั่งซื้อส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในส่วนของประเทศไทย เครื่องบินของแอร์บัสได้ให้บริการในฝูงบินของทั้งการบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชีย และไทยเวียตเจ็ท และในเร็วๆ นี้ การบินไทยกำลังจะให้บริการเครื่องบินรุ่น A321neo ซึ่งมีที่นั่งชั้นธุรกิจรูปแบบใหม่ภายในปีนี้”
ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญ และแอร์บัสต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินมีบทบาทสำคัญในการจ้างงานมากกว่า 130,000 คน และได้สร้างมูลค่า 7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศหรือจีดีพีในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยมากกว่า 80% ของนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศทางอากาศ แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมนี้มีบทบาทสำคัญต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ต่อข้อถามที่ว่ามีความสนใจที่จะเข้าลงทุนในโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ในไทยหรือไม่นั้น นายอานันท์กล่าวว่าเป็นเรื่องระดับนโยบาย และแอร์บัสเองไม่ได้มองไทยเป็นเป้าหมายเพียงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) เท่านั้น แต่มองว่ามีศักยภาพก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีชั้นสูงและวิศวกรรมการบินของภูมิภาคอย่างแท้จริง
ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มีความพยายามเสนอขายเครื่องบินโบอิ้ง สัญชาติอเมริกันให้กับหลายประเทศในขณะเดินทางไปเยี่ยมเยือนว่า เข้าใจที่พยายามถาม ซึ่งไม่ใช่ว่าจะกลัวหรือไม่กลัว แต่แนวทางของแอร์บัสคือการพัฒนาและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
นอกจากนี้ แอร์บัสมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) มากกว่า 5 ล้านตันต่อปี และมีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านการผลิต SAF เนื่องจากเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เพราะ SAF ผลิตจากกากน้ำตาล ฟางข้าว ซังข้าวโพด และมูลสัตว์
และเพื่อตอกย้ำความสำคัญ แอร์บัสได้ลงทุนจัดตั้งสำนักงานแห่งใหม่ในประเทศไทย บนพื้นที่รวม 1,200 ตารางเมตร ภายในสำนักงานแห่งนี้ ยังเป็นที่ตั้งของนาฟบลู (NAVBLUE) หน่วยงานดิจิทัลของแอร์บัสในด้านปฏิบัติการบิน เป็นศูนย์ใช้ในการทดสอบและตรวจสอบโซลูชันซอฟต์แวร์ ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้าสายการบินทั่วโลก พร้อมทั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่จะตรวจสอบเครื่องบินทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อให้การดูแลและช่วยเหลือลูกค้าได้แบบเรียลไทม์