ชี้วิกฤติศรัทธาผู้นำป่วนเศรษฐกิจ ภาคเอกชนจี้รัฐเร่งเคลียร์ให้จบเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ชี้วิกฤติศรัทธาผู้นำป่วนเศรษฐกิจ ภาคเอกชนจี้รัฐเร่งเคลียร์ให้จบเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อ

Date Time: 20 มิ.ย. 2568 07:00 น.

Summary

หอการค้าไทย เผยเศรษฐกิจไทยเสี่ยงสูง จี้รัฐบาลเร่งจบปัญหาโดยเร็ว ส.อ.ท.หวั่นปัญหาเขมรซ้ำเติมปัญหาที่ไทยเผชิญอยู่เดิมให้รุนแรงมากขึ้น กังวลการเจรจาภาษีทรัมป์ที่ไม่รู้จะจบเมื่อใด ด้านนายกสมาคมโรงแรมไทยเผยคลิปนายกฯไทยกับฮุนเซ็น ทำให้ไม่เชื่อมั่นในภาวะผู้นำของ “แพทองธาร” หวั่นกรณีนายกฯยื้ออยู่ในตำแหน่ง ประชาชนจะลงถนนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

Latest

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคนิวโลว์ 33 เดือน

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากปัญหาการเมืองในไทย ว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะก่อนหน้านี้ก็อยู่ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทั้งที่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สหรัฐฯขึ้นภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้า การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน แต่ละเรื่องยังไม่รู้จะจบเมื่อไร ขณะที่การท่องเที่ยวของไทย ก็ยังไม่ดี จากนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป นอกจากนี้ งบประมาณของภาครัฐก็ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องก่อหนี้สาธารณะเพิ่มอีก 150,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดทุนก็ยังไม่ดี ความเสี่ยงรอบด้านนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นต่างๆ หายไป


ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญที่สุดขณะนี้ คือ ภาคเอกชนไม่รู้ทิศทางการเมือง การบริหารประเทศว่าจะไปในทางใด ดังนั้น ภาคการเมืองจะต้องรีบจัดการปัญหาให้จบเร็วที่สุด เพื่อให้มีความชัดเจนว่า การเมืองไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งจะต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในสังคมไทยและสังคมโลก เพื่อให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้


“ถ้าการเมืองยังไม่ชัดเจน เศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ การผลักดันการส่งออกและการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ผมคงไม่วิเคราะห์ว่า รัฐบาลควรยุบสภา หรือนายกรัฐมนตรีควรลาออก เพราะหอการค้าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจให้จบโดยเร็ว และต้องเป็นทางเลือกที่ทุกภาคส่วนยอมรับได้”


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการใด ทั้งนายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภา แม้จะมีนายกรัฐมนตรีรักษาการ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รักษาการ ก็จะทำให้การบริหารบ้านเมืองไม่เต็มที่ ทำให้ปัญหาต่างๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และ ครม.ใหม่ อาจใช้เวลา และอาจทำให้ไทยไม่สามารถจบการเจรจาได้ทันเส้นตาย ที่สหรัฐฯชะลอการเก็บภาษีตอบโต้ออกไป 90 วัน และจะครบกำหนดวันที่ 8 ก.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้การส่งออกมีปัญหา


.ส.อ.ท.มึนตึ้บรัฐบาลลูกผีลูกคน


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีคลิปเสียงของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซ็น ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย ทำให้พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยอ้างกรณีคลิปเสียงดังกล่าว กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศไทยว่า กรณีดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มขึ้นมาจากภายในประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากสงครามในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล และปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา


ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่าผลการเจรจาระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐฯเรื่องภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯประกาศเรียกเก็บจากสินค้าที่ส่งออกไปจากประเทศไทย จะมีผลออกมาเป็นอย่างไร จะได้ข้อยุติเมื่อใด และจะเป็นไปในทิศทางที่ดีหรือไม่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศคู่แข่งที่ส่งสินค้าประเภทเดียวกับไทยเข้าไปในสหรัฐฯและ หากผลออกมาประเทศไทยเสียเปรียบในเรื่องอัตราภาษีนำเข้า จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออก และเศรษฐกิจในภาพรวมช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มองว่าทั้ง 3 เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบที่รุนแรง มากกว่าที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้


สำหรับการที่พรรคภูมิใจไทยประกาศลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็สอดคล้องกับปัญหาที่มีอยู่ตั้งแต่เรื่องของตำแหน่งรมว.มหาดไทย ต้องคอยดูว่ารัฐบาลจะมีพรรคร่วมรัฐบาลยังร่วมกันต่อไป หรือจำนวนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นอย่างไรในเร็วๆนี้


“ยอมรับว่าภาคเอกชนมีความกังวลสถานการณ์ขณะนี้มาก ถือเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีอยู่เดิม จึงคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า เสถียรภาพของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ทิศทางการบริหารบ้านเมืองต่อไปจะเป็นอย่างไร“


.ไม่เชื่อมั่นภาวะผู้นำ“แพทองธาร”


นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลในขณะนี้ว่า ไม่เชื่อมั่นในตัวบุคคล เพราะคลิปการพูดคุยระหว่างน.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซ็น มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวผู้นำประเทศของไทย เพราะสิ่งที่ได้ยินจากในคลิป กับที่นายกฯออกมาอธิบายกับประชาชนไม่เหมือนกัน เป็นคนละเรื่อง คนไทยที่ได้ฟังจึงไม่รู้ว่าควรจะเชื่อในมุมไหนหรือต้องคาดเดาในสิ่งที่นายกฯพูดถึง


“ถ้าเป็นอย่างนี้เรายังเชื่อมั่นผู้นำในการไปเจรจาเรื่องของประเทศได้ไหม ตอนนี้ภาวะผู้นำจึงมีปัญหา ถ้าให้วิเคราะห์โดยส่วนตัวในที่สุดคงไปสู่การยุบสภา ซึ่งก็ต้องติดตามการประชุมของพรรคร่วมรัฐบาลจะออกมาในรูปไหนสิ่งที่กังวลคือ ถ้าหากนายกรัฐมนตรียังยื้ออยู่ในตำแหน่ง ประชาชนจะลงถนน หากจุดติดและมากันเยอะจะกระทบต่อการท่องเที่ยวเหมือนที่เกิดขึ้นในอดีตมาแล้วได้”


นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลในตอนนี้ ยอมรับว่าจะกระทบต่องบกระตุ้นเศรษฐกิจ 115,375 ล้านบาท ที่คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพิ่งอนุมัติไปเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2568 และเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะกระทบต่องบประมาณที่จะนำมาจัดทำโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งไปด้วย


อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นท่องเที่ยวโดยไม่ใช้งบประมาณก็สามารถทำได้ หากรัฐบาลให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดที่จะไม่ให้เกิดปัญหานักท่องเที่ยวโดนหลอก ไม่ให้เกิดกรณีรถแท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ เก็บเงินเกินราคา หากมุ่งเน้นมาจัดการตรงนี้จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัย เชื่อว่าทรัพยากรท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีอยู่มากมาย สามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาได้อีกครั้ง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ