นับตั้งแต่คณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้ออกประกาศจำนวนผู้เข้าท้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ผ่านการคัดเลือก 2 ราย จากผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ 6 ราย เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่คณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือผู้ว่าการแบงก์ชาติ ได้ออกประกาศจำนวนผู้เข้าท้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ผ่านการคัดเลือก 2 ราย จากผู้สมัครที่ผ่านคุณสมบัติ 6 ราย เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา
แม้จะไม่มีการประกาศรายชื่อให้ทราบอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีชื่อเล็ดลอดออกมาให้ได้ลุ้นกัน...
โดยรายชื่อที่ถูกเสนอให้เข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. 2 ราย คือ นางรุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. วัย 57 ปี และ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการออมสิน วัย 55 ปี
และ 2 รายชื่อนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะต้องตัดสินใจนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเพียงรายชื่อเดียวเท่านั้น ส่วน รมว.คลังจะมีชื่ออยู่ในใจหรือไม่ และจะนำเสนอให้ ครม.อนุมัติวันใด ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เพราะอยู่ระหว่างหยั่งเสียงทางการเมืองในช่วงนี้
หากเลือก “ดร.รุ่ง” ด้วยเหตุผลลดแรงเสียดทานทางการเมือง นอกจากความรู้ความสามารถที่อยู่เต็มพิกัด หากเลือก “วิทัย” เพราะต้องการเปลี่ยนแปลงการทำงานของ ธปท.ให้ใกล้ชิดสอดประสานกับกระทรวงการคลังในภาวะเศรษฐกิจไทยถดถอย และยังต้องเผชิญความท้าทาย ปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ ปัญหาภายในประเทศรุมเร้า การออกมาตรการการเงินและมาตรการคลัง ต้องไปพร้อมๆกันและต่อเนื่อง
ส่วนใครจะได้เป็นผู้ว่าการ ธปท.คนที่ 25 ของประเทศไทย ก็ต้องรอลุ้น!! เพราะอีกไม่นานก็ชัด... ระหว่างผู้ท้าชิง 2 ราย ดังนั้น คอลัมน์ “The Issue หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ขอนำพาไปทำความรู้จักกับ 2 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท. ฉบับย่อๆ
ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส ถือเป็น “หนึ่งในดอกไม้เหล็ก” ของแบงก์ชาติ มีสายสัมพันธ์ที่ดี และได้แรงสนับสนุนจากนายธนาคารพาณิชย์ และคนในแวดวงการเงินการคลังของประเทศ ดีกรีการศึกษาที่ไม่ธรรมดา เพราะมีคำนำหน้า “ดร.”
ตลอดระยะเวลาการทำงานใน ธปท.มากกว่า 20 ปี เรียกได้ว่าอยู่ในกลุ่ม “สายเทพ” หรือสายการวางนโยบายการออกมาตรการ และการรับมือภาวะวิกฤติ ผ่านงานทั้งด้านตลาดการเงิน เศรษฐศาสตร์มหภาค นโยบายการเงิน การชำระเงิน และการกำกับสถาบันการเงิน ถือว่าทำงานครบทุก
ด้านของ ธปท.ส่วนสไตล์การทำงานมีทั้งความเข้มแข็ง เด็ดขาด แต่ยืดหยุ่น สามารถปรับตามสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี มีความเห็นอกเห็นใจและเอาใจใส่ในรายละเอียดทั้งของงานและลูกน้อง
ที่ผ่านมาได้ผลักดันการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า และการยกระดับแอปพลิเคชันธนาคารมือถือให้เท่าทันกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมาก
และในการแสดงวิสัยทัศน์ ที่ทำให้ ดร.รุ่งชนะใจกรรมการเข้ารอบสุดท้าย เป็น 1 ใน 2 ของผู้ถูกเสนอชื่อ ด้วยแนวทางการแก้ปัญหาที่เข้าใจความเดือดร้อนของคนไทย จากภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือน การกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อให้ส่งจากนโยบายการเงินลงไปสู่ภาคปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาการกระจายของสินเชื่อ และช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากที่แตกต่างกันมากเป็นเรื่องต้องเร่งดำเนินการ
หาก ดร.รุ่งได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ว่าการ ธปท.คนต่อไป จะเป็นผู้ว่าการ ธปท. “คนใน” ในรอบ 15 ปี และเป็นผู้ว่าการ หญิง คนที่ 2 ต่อจาก นางธาริษา วัฒนเกส
“วิทัย รัตนากร” แม้จะไม่มีคำนำหน้านามว่า “ดร.” แต่ประวัติ การศึกษาก็ไม่ธรรมดา ประวัติการทำงานก็ไม่ด้อย เพราะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัด สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงธนาคารออมสิน เป็นธนาคารเพื่อสังคม ด้วยการช่วยประชาชนคนไทยในช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้หลายล้านคน ด้วยสไตล์การทำงานที่เข้มข้น ถึงลูกถึงคน คือการช่วยประชาชน ให้เข้าถึงสินเชื่อ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาออมสินสามารถแก้หนี้ ปล่อยสินเชื่อ สร้างเครดิตให้ประชาชนไปมากกว่า 18 ล้านคน นำส่งรายได้เข้ารัฐปีละ 23,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศ ที่สำคัญมีเงินสำรองทั่วไปเพิ่มจาก 70,000 ล้านบาท เป็น 136,000 ล้านบาทได้ และมีเป้าหมายที่จะช่วยประชาชนคนไทยเข้าถึงระบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
“วิทัย” เริ่มต้นทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร, สินเชื่อ & แก้หนี้ ธนาคารกรุงเทพ, Fund Manager กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) จากนั้นมาเป็น รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และถูกส่งตัวไปรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ด้วยการยืมตัว 6 เดือน ส่งผลให้ธนาคารมีกำไรในรอบ 5 ปี และกลับมาเป็นรองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ต่อมาถูกเลือกให้เป็นเลขาธิการ กบข. และกลับมาเป็นผู้อำนวยการออมสินในปี 2563-ถึงปัจจุบัน
ส่วนวิสัยทัศน์ของ “วิทัย” นั้น ต้องการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแบบลึกๆนานๆ เพื่อส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินต่ำกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้ประชาชนชำระหนี้ได้ลลง มีเงินเหลือพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และต้องเร่งกระตุ้นให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนจะมีรายได้.
ประอร นพคุณ / ดวงพร อุดมทิพย์
คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม