กรมการค้าต่างประเทศเปิดแนวทางรับมือกับผลกระทบสงครามการค้า หลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้าทั่วโลก จนอาจทำให้มีสินค้าจากบางประเทศไหลทะลักเข้ามายังไทย ระบุกรมการค้าต่างประเทศสามารถเปิดไต่สวนมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายใน โดยการเรียกเก็บอากรเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกเป็นรายการๆ ไม่ได้ใช้เฉพาะเจาะจงกับบางประเทศ
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวทางการรับมือกับผลกระทบสงครามการค้า จากการที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ประเทศคู่ค้าทั่วโลก จนอาจทำให้มีสินค้าจากบางประเทศไหลทะลักเข้ามายังไทยว่า กรมมีแนวทางการรับมือ ดังนี้ ในกรณีที่ผู้ผลิตในประเทศได้รับความเสียหายจากสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้า กรมสามารถเปิดไต่สวนมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายใน โดยการเรียกเก็บอากรเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกเป็นรายการๆ ไม่ได้ใช้เฉพาะเจาะจงกับบางประเทศ เหมือนกรณีการเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และตอบโต้การอุดหนุน (ซีวีดี) ซึ่งเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ. มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 68 และวันที่ 6 มิ.ย. 68 กรมฯ ได้จัดประชุมร่วมกับสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังและกำหนดกลุ่มสินค้าที่มีความเสี่ยงที่อาจทะลักเข้ามาไทยมากขึ้นจากผลการใช้มาตรการทางการค้าของประเทศต่าง ๆ และติดตามสถานการณ์การนำเข้า โดยจะนำข้อมูลนำเข้ารายสินค้ามาประเมินสถานการณ์ตามหลักเกณฑ์การเปิดไต่สวนมาตรการเซฟการ์ด ขณะเดียวกัน จะเร่งลดระยะเวลาของกระบวนการไต่สวนมาตรการเซฟการ์ดให้สั้นกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 270 วัน
“กรมฯ จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการไต่สวนให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเริ่มทดลองใช้ระบบยื่นคำขอให้เปิดไต่สวน และกระบวนการไต่สวนออนไลน์ และพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เพื่อใช้สนับสนุนกระบวนการไต่สวนของเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้ มีสินค้าที่ผู้ประกอบการแจ้งว่าต้องการให้เปิดไต่สวนเซฟการ์ดประมาณ 3-4 รายการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอาจทำให้มีการกักตุน หรือทำให้ตลาดปั่นป่วน”
ส่วนแนวทางการป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย เพื่อส่งไปประเทศสหรัฐฯ นั้น กรมได้เร่งปรับปรุงบัญชีสินค้าที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังในการส่งออกไปสหรัฐฯ จาก 49 รายการ เป็น 65 รายการ โดยเพิ่มเข้ามา 16 รายการ คาดจะประกาศรายชื่อสินค้าเพิ่มเติมได้ในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าส่งออกจากไทยว่า เป็นไปตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่ได้ทำข้อตกลงไว้กับประเทศคู่ค้า