เวิลด์แบงก์ เศรษฐกิจไทยปี 68 โตชะลอเหลือ 1.8% ลดลงจากการประมาณการครั้งก่อนหน้า แต่หากเชื่อมั่นลงทุนดีขึ้นอาจดันให้โตเพิ่มเป็น 2.2%
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารได้ออกรายงาน Thailand Economic Monitor: Digital Pathways to Growth ฉบับใหม่ โดยคาดว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยจะชะลอลงมาอยู่ที่ 1.8% ในปี 2568 และ 1.7% ในปี 2569 ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้า สะท้อนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลกในช่วงที่ผ่านมา การส่งออกที่อ่อนแอ การบริโภคที่ชะลอตัว และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม หากความเชื่อมั่นด้านการลงทุนปรับตัวดีขึ้น GDP อาจเติบโตได้เป็น 2.2% ในปี 2568 และ 1.8% ในปี 2569
“แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน แต่เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2568 ยังมีความแข็งแกร่ง ช่วยพยุงภาพรวมเศรษฐกิจไว้ชั่วคราว โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งการส่งออกล่วงหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค การปรับการลงทุนของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการขยายความร่วมมือทางการค้าในเชิงลึก จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากพลวัตของตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้”
นายเกียรติพงศ์ กล่าวด้วยว่า รายงานชี้ว่า เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถเป็นตัวเร่งการเติบโตและสร้างงาน ยกระดับคุณภาพการให้บริการ และเพิ่มผลิตภาพของประเทศได้ ในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน
ด้านนางเมลินดา กู้ด ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยและเมียนมา กล่าวว่า ขณะที่ประเทศไทยเตรียมพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกลุ่มธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในปี 2569 การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลจะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญของการหารือ การประชุมระดับโลกครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอศักยภาพอุตสาหกรรมหลักต่างๆ อาทิ บริการดิจิทัล การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการเกษตร และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งล้วนมีส่วนกำหนดอนาคตของประเทศไทย โดยเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยคาดว่ามีมูลค่าราว 6% ของ GDP และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคอาเซียน อุตสาหกรรมบริการการเงิน การชำระเงินดิจิทัล ฟินเทค ซอฟต์แวร์ และวิศวกรรม ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการจ้างงานเติบโตเร็วที่สุดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา