วิกฤติสงฆ์กดทับตลาดพระเครื่อง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

วิกฤติสงฆ์กดทับตลาดพระเครื่อง

Date Time: 29 ก.ค. 2568 04:13 น.

Summary

พระเครื่องเป็นสินค้ามารยาสาไถย ราคาขึ้นอยู่กับความกล้าและความพอใจ ไม่มีบรรทัดฐาน แถมมีช่องว่างเพราะนักเลงพระเขาไม่โจมตีกันเอง ความจริงจึงไม่ปรากฏ การทำราคาโดยใช้แท็กติกการตลาด ปั่นราคาขึ้นไป จึงเกิดขึ้นได้โดยง่าย

Latest

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคนิวโลว์ 33 เดือน

ข่าวคราวฉาวโฉ่ในวงการผ้าเหลือง ที่ถูกเปิดเผยเคสแล้วเคสเล่า กำลังกัดกร่อนศรัทธาในใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั่วไป กระทบต่อการทำบุญ เข้าวัดอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

ประกิต หลิมสกุล คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา และผู้สันทัดกรณีพระเครื่อง เปิดเผยว่า วงการพระเครื่องเหมือนถูกรถชนโครมใหญ่ เพราะพระเป็นตัวการสร้างพระ เมื่อพระทำผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง พระเครื่องที่เปรียบได้กับสินค้าของพระและวัด จึงย่อมเสื่อมถอยด้วยราคาและความน่าสนใจ

“แต่ไหนแต่ไรมา พระเครื่องคือสินค้า เวลาที่วัดจะหาเงินสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เวลาผ่านไป วันนี้เรามาถึงจุดที่พระเครื่อง เป็นเหตุให้เกิดการหาอุบายอ้อมค้อมต่างๆนานา ผลิตเพื่อขาย”

วิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 เป็นบทเรียนสะท้อนถึงศรัทธาที่คนไทยมีต่อพุทธศาสนาและพระ ขณะนั้นแม้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจเกือบทุกตัวหลับใหล แบงก์เจ๊ง บริษัทปิดกิจการ พนักงานถูกเลย์ออฟ เกิด “คนเคยรวย” ขึ้นมากมาย “ผมส่งนักข่าวลงไปทำสกู๊ปวัดชื่อดังขณะนั้น พบว่าวัดหลวงพ่อโสธรช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ยังมียอดบริจาคอยู่ที่ 3 ล้านบาทต่อวัน วัดพระ ปฐมเจดีย์ในวันเทศกาลอยู่ที่ 1 ล้านบาท ไล่เลี่ยกับวัดบ้านแหลม นั่นแสดงให้เห็นว่า ยังมีเครื่องยนต์ที่ติดอยู่ จากศรัทธาแรงกล้าที่คนไทยมีต่อศาสนา”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มูลค่าตลาดการกุศลของไทยในปี 2568 จะอยู่ที่ 150,000 ล้านบาท โตเฉลี่ยปีละ 2% (ตั้งแต่ปี 2560-2568) โดยแรงจูงใจสร้างกุศลของคนไทย อันดับแรกมาจากการทำบุญตามความเชื่อทางศาสนา ครัวเรือนไทยใช้เงิน 1% ของค่าใช้จ่ายไปกับกิจกรรมทางศาสนา

แต่วิกฤติครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ เพราะกระแทกจุดศรัทธาเข้าอย่างจัง ตู้บริจาค พระเครื่อง เหรียญล็อกเกต ซึ่งเคยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ กลายเป็นสินค้าตอกย้ำว่า “นี่วัดหลอกกูนี่หว่า”

ขนาดพระเครื่องใหญ่เบญจภาคี อันประกอบด้วย พระสมเด็จวัดระฆัง, พระนางพญา, พระรอด, พระผงสุพรรณ และพระกำแพงซุ้มกอ ซึ่งมีพื้นฐานราคาแข็งแรง มั่นคง ยังได้รับผลกระทบ “ไม่รวมคดีความฟ้องร้องพระปลอมกันอุตลุดในขณะนี้ พอศรัทธาเสื่อม ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม”

“พระเครื่องเป็นสินค้ามารยาสาไถย ราคาขึ้นอยู่กับความกล้าและความพอใจ ไม่มีบรรทัดฐาน แถมมีช่องว่างเพราะนักเลงพระเขาไม่โจมตีกันเอง ความจริงจึงไม่ปรากฏ การทำราคาโดยใช้แท็กติกการตลาด ปั่นราคาขึ้นไป จึงเกิดขึ้นได้โดยง่าย”

ทั้งที่พระเครื่อง ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ควรค่าแก่การลงทุน จำนำได้ราคาต่ำกว่าสินค้าแบรนด์เนม 100 เท่า ถ้าจะขาย ส่วนใหญ่ขายได้เฉพาะทองที่ใช้เลี่ยม

วิกฤติครั้งนี้จะลบเลือนไปได้โดยง่ายหรือไม่ ผู้สันทัดกรณีพระเครื่องนามประกิต ประเมินว่า อยู่ที่มุมคิด สำหรับเขา ผู้ซึ่งใช้ความสนใจในพระเครื่อง ศึกษาจนรู้แจ้งและทำให้เข้าถึงธรรมะขั้นสูงได้นั้น ไม่ได้ประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก

“เลวกว่านี้ก็มีมาแล้ว สมัยพุทธตันตระ 800 ปีที่แล้ว เด็กสาวอายุ 13 ปีต้องไปมีเพศสัมพันธ์กับพระสมณะใหญ่ เพื่อที่จะได้บุญสูงสุด สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง สิ่งหนึ่งที่ชั่วเหลือเกินในความเชื่อหนึ่ง กลับเป็นบุญเหลือเกินในอีกความเชื่อหนึ่ง ความคิดทำให้มันเป็นเช่นนั้น”

ในฐานะผู้นิยมในพุทธศาสนา เขามองว่า หากพระสงฆ์ยังไม่สามารถละกิเลสได้ จงลาสิกขาเสีย เพื่อธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของสงฆ์และพระศาสนา อย่าปล่อยให้ลาภ สักการะ เงินที่มีอยู่ มัดเอาไว้

ส่วนการจัดการกับความรู้สึกตัวเอง คุณประกิตยึดหลัก “ตถตา” มันก็เป็นเช่นนั้นเอง อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด ที่ต้องคิดเช่นนี้ เพราะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือ “กูชอบพระ (เครื่อง)”.

ศุภิกา ยิ้มละมัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “The Issue” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ