ในที่สุดหลังจากลุ้นมาหลายเดือน “ทีมไทยแลนด์” ก็สามารถปิดดีลภาษีส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐฯไปที่ 19% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ดี เพราะใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ส่งออกสินค้าแบบเดียวกัน
ในที่สุดหลังจากลุ้นมาหลายเดือน “ทีมไทยแลนด์” ก็สามารถปิดดีลภาษีส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐฯไปที่ 19% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ดี เพราะใกล้เคียงกับคู่แข่งที่ส่งออกสินค้าแบบเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องติดตามช่วงเวลาอันตราย 6 เดือนถึง 1 ปีหลังจากนี้ ว่าต้นทุนของการส่งออกสินค้าที่สูงขึ้น รวมทั้งผลกระทบจากการเปิดเสรีสินค้าประมาณ 10,000 รายการ ว่าจะมีผลต่อผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก รวมทั้งเกษตรกรของเรามากหรือน้อยแค่ไหน
ขณะเดียวกันผลจากการปะทะในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และความขัดแย้งที่ยังคงยืดเยื้อ อาจจะซ้ำเติมการท่องเที่ยวของไทย จากที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในปีนี้ให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นอีก
ดังนั้น ในเวลาที่เหลืออีก 5 เดือนหลังจากนี้ เศรษฐกิจไทยจึงอยู่ในภาวะเปราะบางมาก หลายสำนักฯมองว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจไม่ขยายตัว และบางรายมองว่าเศรษฐกิจไทยจะซึมยาวไปจนถึงสิ้นปีหน้า
ส่งผลให้ “นักเศรษฐศาสตร์” ออกมาเตือนให้ “คนไทยถือเงินสดมากขึ้น ให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และพยายามที่จะมีเงินออมสำรองไว้อย่างน้อยที่สุดเท่ากับค่าใช้จ่าย และผ่อนส่งหนี้สิน 3-6 เดือน เผื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดคิด
แต่การลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนไทยแทบทุกเจนมีพฤติกรรมการช็อปปิ้ง เพื่อแก้เครียด “ยิ่งเครียด ยิ่งซื้อ หรือซื้อก่อน คิดทีหลัง” ดังนั้น ในช่วงที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างนี้ “มิสเตอร์พี” จึงขอนำทริกเล็กๆน้อยๆที่ได้มาจากการติดตามพฤติกรรมของลูกค้าบัตรเครดิตมาฝากกัน เพื่อช่วยให้คนไทยประหยัดได้ง่ายขึ้น
เริ่มจากบทความจากบัตรเครดิตเคซีที หรือบัตรเครดิตกรุงไทย ซึ่งพบว่า ลูกค้ากลุ่ม Millennials ไปจนถึง Gen Z มีแนวโน้มใช้จ่ายแบบอิงอารมณ์มากกว่ากลุ่มอื่น และพฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนกลุ่มนี้เปราะบางต่อแรงกระตุ้นจากโปรโมชันลดราคา การรีวิวจากอินฟลูฯ และการเปรียบเทียบกับผู้อื่นในโซเชียล ทำให้ซื้อสินค้าโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น หากเราถามตัวเองก่อนจะซื้อด้วย 3 คำถามนี้คือ เราจะใช้สิ่งนี้ภายใน 7 วันหรือไม่ พรุ่งนี้เรายังอยากได้อยู่ไหม และสิ่งนี้ทำให้เรารู้สึกดีได้นานแค่ไหน คำตอบของเราอาจจะเปลี่ยนไป เพราะความอยากได้สินค้ามักเกิดขึ้นชั่วคราว การเว้นระยะเวลา จะช่วยปรับอารมณ์และทำให้เห็นความจำเป็นของการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น
ขณะเดียวกันบทความจากบัตรเครดิตทีทีบี ฝากถึงพฤติกรรมการผ่อน 0% บนบัตรเครดิตที่กำลังเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ โดยระบุว่า อย่าชะล่าใจว่า “0%” คือฟรีเสมอไป เพราะสินค้าบางรายการอาจมีราคาสูงขึ้นเมื่อเลือกผ่อนชำระ หรือมีค่าธรรมเนียมและบริการเสริม ที่สำคัญจะต้องผ่อนให้ตรงเวลาครบถ้วนทุกเดือนถึงจะได้ดอกเบี้ย 0%
ท้ายที่สุด “มิสเตอร์พี” ไม่ได้สนับสนุนให้คนไทยหยุดใช้จ่าย แต่อยากให้ใช้จ่าย เท่าที่จำเป็นและทำได้ เพราะมองไปข้างหน้า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังมีอีกหลายด่านหินที่รออยู่.
มิสเตอร์พี
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม