ครม.อนุมัติช่วยชาวนา วงเงินรวม 106,901 ล้านบาท แบ่งเป็น “ไร่ละพัน” ให้ชาวนาปรังปี 68 และนาปีปี 68/69 รวม 4.5 หมื่นล้านบาท และมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก 6.1 หมื่นล้านบาท พร้อมพ่วงอีก 3 แพ็กเกจอุ้มโคนม-ประมง-แหล่งน้ำ 3.3 พันล้านบาท
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68 อนุมัติแผนช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวครบวงจร วงเงินรวม 106,901.06 ล้านบาท เป็น 1. โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรข้าวนาปรังและนาปี 45,204 ล้านบาท และ 2. มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก วงเงิน 61,697.06 ล้านบาท โดยครม.อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอยกเว้นการไม่ถือปฏิบัติตามมติครม.เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 เฉพาะสินค้าข้าว ที่กำหนดให้หน่วยงานหลีกเลี่ยงการให้เงินอุดหนุนช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง สำหรับโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรข้าวนาปรังและนาปี 45,204 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 68 วงเงิน 7,286.77 ล้านบาท มีชาวนาผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปรังเป้าหมาย 861,000 ครัวเรือน จากที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร 5.491 ล้านครัวเรือน โดยจะช่วยเหลือเฉพาะนาปรังเฉพาะปี 68 เท่านั้น และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 68/69 วงเงิน 37,917.23 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมาย 4.63 ล้านครัวเรือน
“ทั้ง 2 โครงการ จะให้เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิโดยตรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรมีแรงจูงใจพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตข้าว โดยมีรายละเอียดและวิธีดำเนินงานเช่นเดียวกับโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 67/68”
ขณะเดียวกัน ครม.เห็นชอบและอนุมัติมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 68/69 วงเงินรวม 61,697.06 ล้านบาท จำแนกเป็นวงเงินสินเชื่อ 51,232.50 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด 10,464.56 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาประกอบด้วย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 68/69 วงเงิน 45,398.81 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินสินเชื่อ 36,232.50 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด 9,166.31 ล้านบาท ครอบคลุมค่าฝากเก็บ ค่าชดเชย และเงินจ่ายคืนให้ธ.ก.ส.
ส่วนโครงการที่ 2 สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 68/69 วงเงิน 15,656.25 ล้านบาท เป็นวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด 656.25 ล้านบาท โครงการสุดท้าย คือ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 68/69 วงเงิน 642 ล้านบาท โดยใช้จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโอกาสแรก หากไม่พอให้กรมการค้าภายในขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม
นายอนุกูล กล่าวอีกว่า ครม.ยังเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กู้ยืมเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 200 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการรับซื้อน้ำนมดิบเพื่อการผลิตของ อ.ส.ค. ชำระคืนใน 3 ปี ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่เดือนส.ค. 68 - ธ.ค. 71 อัตราดอกเบี้ย 0% เพื่อรวบรวมและรับซื้อน้ำนมดิบของเกษตรกร ผู้เลี้ยงโคนมในเขตพื้นที่ส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของ อ.ส.ค. ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด จากอุตสาหกรรมภาคเอกชนซื้อลดลง เพราะยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ครม.อนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการการประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้าน ระยะที่ 3 ที่ประสบปัญหาประกอบอาชีพหรือธุรกิจ ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย โดยธนาคารออมสินจะจัดวงเงินสินเชื่อให้ 2,000 ล้านบาท, ธ.ก.ส.จัดวงเงินสินเชื่อให้ 1,000 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ย 7% ต่อปี รวมถึงขยายระยะเวลาดำเนินการและเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณ โครงการอ่างเก็บน้ำ ห้วยกรอกเคียน ฉะเชิงเทรา จากเดิม 1,880 ล้านบาท เป็น 1,980 ล้านบาท ขยายเวลาจาก 4 ปี เป็น 6 ปี สิ้นสุดปี 69