จุดหมายใหม่ "บินไทย" ปักหมุด "Network Airline" ดันไทยขึ้นฮับเชื่อมต่อจุดบินโลกหนุนโตยั่งยืน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จุดหมายใหม่ "บินไทย" ปักหมุด "Network Airline" ดันไทยขึ้นฮับเชื่อมต่อจุดบินโลกหนุนโตยั่งยืน

Date Time: 1 ก.ย. 2568 04:01 น.

Summary

“ทีมเศรษฐกิจ นสพ.ไทยรัฐ” มีโอกาสได้แลกเปลี่ยน “วิสัยทัศน์ และมุมมอง” กับ “ชาย เอี่ยมศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในโอกาสที่พาสื่อมวลชนไทยไปเจาะลึกโอกาสใน “ตลาดจีน” เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายเส้นทางการบินไปจีนเพิ่มขึ้นในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ รวมทั้งการเปิดเผยยุทธศาสตร์ที่จะนำพาการบินไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

Latest

นายใหม่หน้าคุ้น

เชื่อว่าคนไทยจำนวนมาก รวมถึงนักลงทุนกำลังจับตาเส้นทางของ “การบินไทย” ในช่วงต่อจากนี้ไป หลังสามารถฟันฝ่าการปรับโครงสร้างองค์การครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาจนสามารถกลับมาดำเนินกิจการตามปกติได้อีกครั้ง ส่งผลให้ราคาหุ้น “บินไทย” ฟื้นขึ้นมาจากปากเหว ตั้งแต่กลับเข้าตลาดหุ้นไทยวันแรก ว่าอาจจะคล้ายกับ“นกฟีนิกซ์” นกที่เกิดใหม่จากเถ้าถ่านของตัวเอง และกลับมาเติบโตได้อย่างสวยงาม

อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ การเมืองภายในประเทศไทยที่ทวีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังบั่นทอนบรรยากาศในการใช้จ่าย และการท่องเที่ยวของไทยให้ต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่อีกครั้ง รวมทั้งยังสร้างความท้าทายเพิ่มขึ้นให้กับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกในอนาคต

อย่างไรก็ตาม จากการวางแผนกลยุทธ์ ผู้บริหารการบินไทยยังคงเชื่อมั่นสถานการณ์ที่มองไปข้างหน้า และพยายามที่จะเดินหน้าสร้างโอกาสในการ “ฮับการบิน” ของประเทศไทย และปรับจุดยืนของการบินไทยสู่การเป็น Network Airline พร้อมตอกย้ำ “ความประทับใจ” ดั้งเดิมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกมีให้การบินไทย “สายการบินเอื้องหลวง ที่ให้บริการประทับใจ รื่นรมย์ประดุจแพรไหม smooth as silk”

“ทีมเศรษฐกิจ นสพ.ไทยรัฐ” มีโอกาสได้แลกเปลี่ยน “วิสัยทัศน์ และมุมมอง” กับ “ชาย เอี่ยมศิริ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในโอกาสที่พาสื่อมวลชนไทยไปเจาะลึกโอกาสใน “ตลาดจีน” เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายเส้นทางการบินไปจีนเพิ่มขึ้นในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้ รวมทั้งการเปิดเผยยุทธศาสตร์ที่จะนำพาการบินไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เปิดกลยุทธ์ปักหมุด “Network Airline”

นายชาย ได้เล่าถึงสถานการณ์ภายหลังจากที่การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ รวมทั้งการกลับเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า การกลับมาครั้งนี้ของการบินไทยถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะอุตสาหกรรมการบินกลับมาคึกคัก ปัจจุบันธุรกิจการบินกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปริมาณผู้โดยสารเดินทางพุ่งสูงขึ้นเกือบทุกเส้นทางบิน โดยมีอัตราปริมาณการบรรทุกผู้โดยสาร หรือ Cabin Factor กว่า 77-80%

 ดังนั้น เพื่อสร้างความพร้อมให้การบินไทยสามารถแข่งขันในตลาดการบินอย่างเต็มที่ จึงได้เร่งปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการในทุกมิติ พร้อมวาง กลยุทธ์ระยะสั้น กลาง และยาว โดยมีเป้าหมายเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดที่เคยสูญเสียไป และสร้างการเติบโตของผลประกอบการการบินไทยอย่างยั่งยืน

โดยการวางกลยุทธ์ทำเพื่อสร้างการเติบโต ทั้งด้านรายได้ และปริมาณผู้โดยสาร โดยมุ่งเป็น “Network Airline” หรือสายการบินที่เน้นเชื่อมต่อการเดินทาง โดยใช้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ ลดการพึ่งพิงตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ช่วยเพิ่มเสถียรภาพของรายได้ในทุกฤดูกาล ซึ่งจะไม่เฉพาะในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) เท่านั้น เช่น การขนส่งผู้โดยสารจากยุโรปมาไทยแล้วเดินทางต่อไปยังเอเชียแปซิฟิก

“กลยุทธ์ Network Airline นั้น การบินไทยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ในช่วงฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าช่วยให้การบินไทยประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว หรือ Low Season กลับปรากฏว่าบริษัทมีผลประกอบการดีที่สุด และมีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์”

ขณะเดียวกันยังพบว่าสัดส่วนผู้โดยสาร Network ยังเพิ่มสูงขึ้นถึง 40-50% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รายได้และปริมาณผู้โดยสารของการบินไทยเติบโต ขณะเดียวกันการบินไทยยังสามารถบริหารจัดการชั่วโมงการใช้เครื่องบินได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน

นายชายยังเล่าต่อถึงอนาคตของการบินไทย ว่า จะมุ่งเน้นพัฒนาด้านบริการที่ชั้นธุรกิจ (Business Class) และเพิ่มบริการในชั้นประหยัดพรีเมียม (Premium Economy) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสาร แต่จะไม่เน้นชั้นเฟิสต์คลาส (First Class) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำกำไรได้น้อย สามารถให้บริการผู้โดยสารได้จำนวนไม่มาก

ขณะเดียวกันจะยังคงมุ่งเน้นตอกย้ำบริการความเป็นไทย โดยเฉพาะการนำเสนออาหารในคอนเซปต์ “Street to Sky” โดยจะนำอาหารจากร้านดังของไทยขึ้นไปให้บริการบนเครื่องบิน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารเป็นอย่างดี

เติมฝูงเครื่องบิน 45 ลำเสริมแกร่ง

สำหรับการกลับมาบินในเส้นทางบินที่เคยทำการบินมาก่อนและได้หยุดบินไปนั้นตอนนี้ทางการบินไทยจะเริ่มทยอยกลับมาทำการบินใหม่อีกครั้ง แต่ปัญหาหลักๆ คือปัจจุบันนี้การบินไทยยังมีปัญหาในเรื่องของเครื่องบินที่ยังไม่เพียงพอที่จะนำมาให้บริการ จึงเป็นลักษณะของการนำเครื่องบินมาบินเวียนในเส้นทางบินที่เคยทำการบิน แต่ก็จะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เป็นระยะๆ

นายชายเล่าต่อว่า ปัจจุบันการบินไทยมีเครื่องบินจำนวน 78 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินลำตัวกว้าง 58 ลำ ลำตัวแคบ 20 ลำ โดยทิศทางธุรกิจการบินของการบินไทยหลังจากนี้นั้น การบินไทยจะมีฝูงบินประเภทลำตัวแคบมากกว่าลำตัวกว้าง จนกว่าจะมีการรับมอบเครื่องบินลอตใหม่ 45 ลำ เข้ามาประจำฝูงเพื่อบินในระยะกลางและระยะไกลมากขึ้น

ดังนั้น เพื่อตอบสนองกับการใช้งาน และกลยุทธ์ Network Airline ในตารางบินฤดูหนาวช่วงต้นปี 69 การบินไทยจะมีการรับมอบเครื่องบินรุ่นแอร์บัส 321NEO จำนวน 2 ลำ และในปี 69 จะทยอยรับมอบอีกจำนวน 15 ลำ ซึ่งมีแผนจะนำเครื่องบินเหล่านี้ไปเสริมแกร่งในเส้นทางระยะสั้นและระยะกลาง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย

“ต้องยอมรับว่าการหาเครื่องบินเช่าช่วงนี้ค่อนข้างยาก เพราะปัญหาอุตสาหกรรมการบินปัจจุบันที่ยังไม่มีเครื่องบินใหม่เข้ามาในตลาดทั้งปีนี้และปีหน้า ซึ่งทั้งแอร์บัสและโบอิ้งซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินก็ดีเลย์การส่งมอบ ทุกสายการบินก็รู้ปัญหาว่า เครื่องบินดีเลย์  ฉะนั้น สายการบินก็จะไม่ปล่อยเครื่องเก่าที่จะหมดอายุเช่าเข้ามาในตลาด

อย่างไรก็ตาม การบินไทยก็พยายามที่จะหาเครื่องบินเก่าเพื่อมาเติมในช่วงสั้น ถึงช่วงกลาง โดยล่าสุดการบินไทยได้ยืนยันสิทธิในการจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมกับโบอิ้งอีก 35 ลำ”

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการยกระดับการบริการ ภายใน 2 ปีนี้การบินไทยจะมีการปรับปรุงเครื่องบินที่มีอยู่ให้มีความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ผู้โดยสารยุคใหม่มากขึ้น เริ่มตั้งแต่เครื่องบิน แอร์บัส A 320 จำนวน 20 ลำ จากนั้น

จะปรับปรุงเครื่องบิน โบอิ้ง B 777–300 ER จำนวน 14 ลำ โดยจะมีการติดตั้งที่นั่งชั้นธุรกิจใหม่ พร้อมประตูส่วนตัวในแต่ละที่นั่ง, ติดตั้งที่นั่งในชั้นประหยัดพรีเมียม (Premium Economy), และที่นั่งชั้นประหยัดแบบใหม่ (3-4-3) รวมถึงปรับปรุงเครื่องบิน แอร์บัส A350 ด้วย ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ภายในเครื่องบินของการบินไทยมีความคงที่มากขึ้น และที่สำคัญคือไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินรุ่นไหน ผู้โดยสารของการบินไทยก็จะได้รับการบริการที่ดีขึ้นทุกคน

ส่วนการจัดหาเครื่องบินใหม่ จำนวน 45 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner พร้อมเครื่องยนต์ GEnx ที่ทำสัญญาจัดหาไปแล้วนั้น การบินไทยจะเริ่มรับมอบ 9 ลำแรกในปี 71 โดยจะนำมาให้บริการในเส้นทางศักยภาพและความต้องการสูง รวมถึงหลายเส้นทางในประเทศที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทาง เช่น ภูเก็ต

ตามแผนการเพิ่มขีดความสามารถฝูงบินของการบินไทย โดยภายในปี 76 การบินไทยจะมีฝูงบินถึง 150 ลำ ประกอบด้วย โบอิ้ง B777-300 ER 17 ลำ แอร์บัส A350-900 17 ลำ โบอิ้ง B787 Dreamliner 64 ลำ และ A321 NEO 52 ลำ

เพิ่มความสำคัญเส้นทางบิน “ตลาดจีน”

ทั้งนี้ สำหรับเส้นทางบินของการบินไทย การบินไทยยังมองว่าเส้นทางบินจากไทยไปจีนขณะนี้มีความสำคัญมาก แม้ว่านักท่องเที่ยวในภาพรวมจากจีนโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จะมาไทยน้อยลงมาก แต่ในทางกลับกันตลาด

ท่องเที่ยว และการเดินทางจากไทยไปจีน และจีนมาไทยกลับคึกคักมากขึ้น และยังเห็นศักยภาพที่ดีมาก

ทั้งนี้ ก่อนที่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 เดิมการบินไทย บินไปยังจีนถึง 8 จุดบิน แต่ปัจจุบันมีเพียง 5 จุดบินเท่านั้น ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะเพิ่มความถี่และเส้นทางบินไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้น โดยในปัจจุบันปี 68-69 การบินไทยทำการบินสู่ 5 เมืองของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, เฉิงตู ,คุนหมิง และกว่างโจว รวม 42 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ในช่วงตารางบินฤดูหนาว ปี 68 บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มความถี่เส้นทาง กว่างโจว  ปักกิ่ง จาก 7 เที่ยวบินเป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีแผนที่จะกลับไปทำการบินใน 3 เส้นทางบิน เซี่ยเหมิน ฉงชิ่ง ฉางซา เส้นทางละ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เคยหยุดบินไป นอกจากนั้น ยังเตรียมจะเปิดบินใหม่ 2 เส้นทางคือ อู่ฮั่น และ เสินเจิ้น

“การปรับแผนการบินดังกล่าว ทำให้การบินไทยมีเที่ยวบินสู่ประเทศจีนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้เส้นทางบินจีนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวไปด้วย เพราะจากข้อมูลจะพบว่าในเส้นทางบินจีนที่การบินไทยทำการบินในปัจจุบันนั้น ไม่ได้มีแค่ผู้โดยสารชาวจีน แต่ยังมีผู้โดยสารสัญชาติอื่นๆเดินทางรวมอยู่ในเที่ยวบินนั้นๆเป็นจำนวนมาก ดังนั้น แม้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนลดลง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบินไทยนัก”

ขณะเดียวกันการบินไทยก็จะขายตั๋วโดยสารแบบ Network มากขึ้น ซึ่งทำให้อัตราปริมาณการบรรทุกผู้โดยสารหรือ Cabin Factor ในเส้นทางจีนช่วงที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว หรือ Low Season เดือน ก.ค.-ส.ค. เฉลี่ยจะอยู่ที่ 70% ส่วนช่วงฤดูท่องเที่ยว หรือ High Season จะสูงถึง 80-90%

“การเปิดเส้นทางบินเพิ่ม จะช่วยเติมตารางการบินได้เป็นอย่างดี เพราะแต่ละเมืองจีนมีประชากรกว่า 20-30 ล้านคน ถือเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งนโยบายการบินไทยจะบริหารจัดการทำเส้นทางบินแบบ Network ที่ผู้โดยสารสามารถบินจากยุโรปเพื่อมาไทยแล้วต่อไปจีนได้เลย เนื่องจากข้อมูลพบว่าคนจีนยังคงมีการเดินทาง โดยเฉพาะชอบเดินทางไปยังประเทศในแถบยุโรปและออสเตรเลีย ขณะเดียวกันพฤติกรรมการใช้จ่ายยังคงมีการจับจ่ายจำนวนมาก ดังนั้น หากการบินไทยมีเส้นทางบินเข้าจีนหลายเมืองก็จะเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสารจีนที่จะเดินทางมากขึ้น”

*******

อย่างไรก็ตาม การบินไทยยังอยู่ในเส้นทางการเดินทางที่ต้องฟันฝ่าต่อไป โดยนายชายได้กล่าวตบท้ายไว้ว่า “แม้ว่าการบินไทยจะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่การบินไทยก็ยังคงต้องเผชิญความท้าทายจากในอดีต และจะต้องรักษาและปกป้องในสิ่งที่ได้จากการฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะต้องป้องกันไม่ให้วัฒนธรรมที่ไม่พึงประสงค์ในอดีตกลับมาอีกครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ดี”

หนึ่งในจุดสำคัญของการเดินหน้าการบินไทยยุคหลังฟื้นฟูกิจการให้ไปต่อได้ จึงจะต้องแยกให้ออกระหว่างการเมืองกับธุรกิจ อย่าเอา “การบินไทย” มาเป็นธุรกิจการเมือง เพราะต้องใช้พลังมากกว่าจะมาถึงวันนี้ ซึ่งผู้บริหารการบินไทยมั่นใจว่าการบินไทย ณ วันนี้แข็งแกร่งกว่าในอดีตมาก และมีความพร้อมอย่างมากที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ส่งท้ายสำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นการบินไทย ถึงเป้าหมายหลังกลับเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้น ซึ่งนายชายทิ้งท้ายไว้ว่า “ขณะนี้พบว่าราคาหุ้นของการบินไทยปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความยั่งยืนของการเติบโตที่ดี การบินไทยมีเป้าหมายผลักดันหุ้น THAI เป็นหุ้น VI (Value Investor) ไม่ใช่หุ้นที่หวือหวา แต่เน้นเป็นหุ้นคุณค่า และมีความมั่นคงระยะยาว”.

ทีมเศรษฐกิจ

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปเศรษฐกิจ” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ