รอรัฐบาลใหม่แก้โจทย์ใหญ่เศรษฐกิจ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

รอรัฐบาลใหม่แก้โจทย์ใหญ่เศรษฐกิจ

Date Time: 2 ก.ย. 2568 04:17 น.

Summary

จากการสำรวจความคิดเห็นของเอกชนล่าสุด “ความเสี่ยงจากการเมืองที่ระส่ำระสาย” ในขณะนี้ ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งชั่วคราว แซงหน้าความกังวลจากค่าครองชีพสูง และภาษีทรัมป์ ซึ่งเป็นความกังวลแรกๆในช่วงที่ผ่านมา

Latest

นายใหม่หน้าคุ้น

ในระหว่างที่คนไทยทุกคนกำลังรอ “นายกรัฐมนตรี” และ “คณะรัฐมนตรี” ชุดใหม่ ซึ่ง ณ วันที่คอลัมน์ออกมาให้อ่านกันนี้ น่าจะเห็นหน้าเห็นตาชัดเจนขึ้นกว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในภาคเศรษฐกิจแน่นอนว่าอยากให้การเมืองมีความชัดเจนโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นของเอกชนล่าสุด “ความเสี่ยงจากการเมืองที่ระส่ำระสาย” ในขณะนี้ ขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งชั่วคราว แซงหน้าความกังวลจากค่าครองชีพสูง และภาษีทรัมป์ ซึ่งเป็นความกังวลแรกๆในช่วงที่ผ่านมา

ที่สำคัญคือ วันนี้ “การเมืองไทย” ยังออกได้หลายหน้า จากอิทธิพลของทั้งการเมืองตามระบบ การเมืองนอกระบบ และการเมืองบนถนน และ “ความไม่แน่นอน” ถือเป็นศัตรูตัวสำคัญของการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

และหากถามถึงโจทย์ใหญ่ที่ “รัฐบาลใหม่” จะต้องเข้ามาสานต่อเพื่อประคองเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ไม่ให้ดิ่งเหว โดยเฉพาะ “ในครึ่งหลังของปี 68” นี้ ซึ่งทุกสำนักประเมินว่าเป็น “จุดอันตราย” ของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณชัดว่า 2 เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอลงแรง ทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่มีการคาดการณ์กันว่าจำนวนนักท่องเที่ยวรวมในปีนี้จะต่ำกว่าปี 67 ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น คนอาจจะนึกว่าเมื่อเราได้อัตราภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯที่ 19% แล้ว ทุกอย่างจะจบ แต่ความจริงข้อตกลงดังกล่าวยังเป็นเพียง “การเห็นชอบร่วมกันในหลักการ” ที่จะต้องเจรจาเจาะลึกในรายละเอียดประเด็นที่สหรัฐฯเรียกร้องจากไทย และประเด็นที่ไทยเสนอกลับไปให้สหรัฐฯ เพื่อจัดทำ “ความตกลงว่าด้วยภาษีตอบโต้ไทย-สหรัฐฯ” หรือ Agreement on Reciprocal

และหลังจากการเจรจาระดับเจ้าหน้าที่ ที่คาดว่าจะเสร็จในต้นเดือน ก.ย.นี้ เรายังต้องไปสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา และหากรัฐบาลไทยไม่พร้อมเจรจา ก็อาจจะทำให้เงื่อนไขการเก็บภาษี 19% เปลี่ยนแปลงไปได้ และจะกระทบการส่งออก การนำเข้า และภาคการผลิตของไทยเพิ่มมากขึ้น

อีกจุดที่สำคัญคือ ปัญหาค่าครองชีพของคนไทย ซึ่งคนส่วนใหญ่กำลัง “เครียดกับเงินในกระเป๋า” ที่รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ขณะที่หนี้สินที่สะสมเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด ที่เคยหวังว่าจะดีขึ้นหลังโควิดผ่านไปกลับแย่ลง เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นช้ากว่าที่คิด ทำให้กำลังซื้อคนไทยถดถอยลง เมื่อรวมกับความไม่เชื่อมั่นในแง่การเงิน และการงานในอนาคต คนไทยจึงต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เห็นผลจากรัฐบาล หลังผิดหวังจากโครงการแจกเงินหมื่น

ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจจะสัมพันธ์กับงบประมาณรายจ่ายปี 69 ที่เหลืออีก 1 เดือน จะต้องเริ่มใช้แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาเริ่มใช้งบใหม่ได้ทันเวลาหรือไม่ เพราะต้องรอการแถลงนโยบายก่อน

และท้ายที่สุด การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะสำเร็จหรือไม่ ก่อนอื่นต้องรอดูว่าการคัดเลือก “คนที่จะนั่งกระทรวงเศรษฐกิจ” มีความรู้ความสามารถเพียงพอไหม ก็เป็นอีกเรื่องใหญ่ที่ต้องลุ้นกัน.

มิสเตอร์พี

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ