
โอกาสใหม่ของลูกหนี้รายย่อย! รัฐเปิดทาง “รีเซ็ตเครดิต” ผ่านโครงการแก้หนี้ AMC ปิดบัญชีหนี้ค้างเก่า เริ่มต้นใหม่ได้ใน 6 เดือน ไม่ต้องรอ 3 ปี กับเงื่อนไข มูลหนี้รวมกัน ไม่เกิน 1 แสนบาท
หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลเฉพาะกิจ อายุ 4 เดือน ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” คือการเร่งสร้าง “ผลงานเชิงรูปธรรม” ที่ประชาชนสัมผัสได้ โดยเฉพาะการ “แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน” ซึ่งยังคงเป็นจุดเปราะบางของเศรษฐกิจไทย
แม้ล่าสุด สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP จะลดลงมาอยู่ที่ 88% แต่หากเจาะลงไปในระบบธนาคารพาณิชย์ โครงสร้างหนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่สร้างรายได้ (NPLs) และมีภาระดอกเบี้ยสูง ระยะเวลาผ่อนสั้น สะท้อนถึงความอ่อนแอของฐานรายได้ประชาชน
โดยยอด Gross NPL ทั้งระบบ ณ ไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 521,665 ล้านบาท (2.83% ของสินเชื่อรวม) และผลสำรวจ ม.หอการค้าไทย ยังพบว่าหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนพุ่งแตะ 740,000 บาท สูงสุดในรอบ 4 ปี ไม่นับรวมหนี้นอกระบบ
เพื่อคลี่คลายปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (3 พ.ย.2568 ) จึงเห็นชอบ “โครงการแก้หนี้ภาคประชาชนผ่าน AMC” ซึ่งถือเป็นกลไกใหม่ของรัฐบาลในการช่วยลูกหนี้รายย่อยให้หลุดจากภาวะหนี้เสีย และกลับมามี “ประวัติทางการเงินที่ดี” อีกครั้ง
นโยบายนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สถาบันการเงิน เพื่อช่วยลูกหนี้รายย่อยที่กลายเป็น หนี้เสีย (NPL) โดยเฉพาะกลุ่มที่ ไม่มีหลักประกัน และมียอดหนี้รวม ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
หลักการทำงานคือ ให้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เข้ามา “รับซื้อหนี้เสีย” จากธนาคารและสถาบันการเงิน แล้วจัดการต่อในรูปแบบ “ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่” เช่น ลดดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อน ยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือเสนอให้ปิดบัญชีด้วยยอดชำระบางส่วน เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้โดยไม่ถูกตัดออกจากระบบการเงิน
ในระยะเริ่มต้น โครงการจะรับโอนหนี้จาก
ครอบคลุมลูกหนี้ประมาณ 3.4 ล้านราย (4.76 ล้านบัญชี) วงเงินรวมกว่า 122,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ช่วยเหลือได้จริงในระยะแรก 2.36 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 62,400 ล้านบาท ดำเนินการโดย บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) และ บริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ (Ari-AMC) ซึ่งเป็น AMC ภาครัฐหลัก
ลูกหนี้ที่ถูกโอนเข้าสู่ระบบ AMC จะได้รับการ “รีเซ็ตเครดิตใหม่” หรือ “ฟื้นประวัติทางการเงิน” ผ่านกลไกของ เครดิตบูโร โดยจะได้รับ รหัส 16 แสดงสถานะว่าอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องรอ 3 ปี ตามเกณฑ์ปกติในการปลดล็อกเครดิต แต่สามารถกลับมาขอสินเชื่อใหม่ได้ภายใน 1-6 เดือน หากมีวินัยการชำระต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีระบบ Ari Score เครื่องมือใหม่ที่ใช้ประเมินพฤติกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้รายบุคคล เพื่อให้ธนาคารมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อหลังผ่านกระบวนการฟื้นฟู
รหัส 16 และ Ari Score จึงถือเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่เปลี่ยน “ข้อมูลเครดิต” จากเครื่องมือรายงานในอดีต ให้กลายเป็น “เครื่องมือฟื้นฟูในอนาคต” ที่จูงใจให้คนมีวินัยทางการเงินมากขึ้น
โดยโครงการนี้ รัฐบาลยืนยันว่า โครงการนี้ ไม่ใช้เงินภาษีประชาชน แต่ใช้แหล่งเงินจากการ ลดอัตรานำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูสถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% แล้วนำส่วนต่างมาใช้เป็นต้นทุนบริหารโครงการ ในลักษณะ “ครั้งเดียวจบ” ไม่สร้างภาระการคลังในอนาคต
ด้าน “ผยง ศรีวณิช” ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้ว่า การแก้หนี้ผ่าน AMC นับเป็นการเปลี่ยนแนวคิดการบริหารหนี้ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี จากเดิมที่เน้นการจัดการ “หนี้เป็นก้อน” ของสถาบันการเงิน มาเป็นการมอง “ลูกหนี้เป็นรายบุคคล” โดยพิจารณาศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้จริง เพื่อให้คนสามารถกลับมาอยู่ในระบบการเงินได้อย่างยั่งยืน
สำหรับ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) ที่จะเป็นตัวแปรหลักในการแก้หนี้ของโครงการนี้ ย้อนไป ถูกจัดตั้งขึ้นหลังวิกฤติปี 2540 ตามมติ คณะรัฐมนตรี ปี 2543 ภายใต้การกำกับของ ธปท. เพื่อรับโอน NPL จาก ธนาคารกรุงไทย และมีบทบาทสำคัญในการฟื้นเสถียรภาพระบบการเงิน ส่วน Ari-AMC เป็น AMC ภาครัฐรุ่นใหม่ที่ต่อยอดบทบาทด้านฟื้นฟูลูกหนี้รายย่อย
โครงการนี้จึงไม่เพียงช่วย “ลดหนี้เสียในระบบ” แต่ยังเป็นการวางรากฐานให้ประชาชนกลับมามี เครดิตทางการเงิน (Credit Rehabilitation) และสร้าง “วินัยทางการเงินใหม่” ให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาวอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการแล้ว และมีกำหนดจะนำรายละเอียดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 11 พ.ย. 2568 นี้ จะมีการประกาศผล ในแง่วันที่ เริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อใด และมีหลักเกณฑ์ หรือ เงื่อนไขที่ชัดเจนอื่นๆอีกหรือไม่.
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney