มีอาจารย์หมอท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า “สุขภาพดี เราจะมีทุกอย่าง สุขภาพแย่ เราจะเสียทุกอย่าง” มาคิดๆดูก็จริงนะ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องพบ เพราะทุกคนเมื่อเกิดมา ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย หนีไม่พ้น แต่หากถามว่า ระหว่างแก่ เจ็บ ตาย กลัวอะไรมากที่สุด คำตอบคือ “เจ็บ” หลายคนรวมถึงผมเอง ก็ตั้งความหวังในชีวิต “ขอเกิด แก่ ตาย ข้ามเจ็บไปเลย”
มีอาจารย์หมอท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า “สุขภาพดี เราจะมีทุกอย่าง สุขภาพแย่ เราจะเสียทุกอย่าง” มาคิดๆดูก็จริงนะ สุขภาพกายดี สุขภาพจิตก็จะดี สุขภาพเงินก็จะดี เพราะเราสามารถหาเงินได้เยอะ แต่ถ้าสุขภาพกายแย่ สุขภาพจิตก็จะแย่ สุขภาพเงินก็จะแย่ เพราะเราป่วย เราก็ต้องการการรักษาพยาบาลที่ดีๆ แต่ค่ารักษาพยาบาลแพงมาก ตัวอย่างคร่าวๆ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชน :
และที่น่าห่วงก็คือ อัตราเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลปี 2567 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 15.2% เท่ากับว่า ค่ารักษาพยาบาลจะแพงขึ้นเท่าตัวในเวลาเพียง 4.7 ปีเท่านั้น ทำยังไงดี ถ้าเราป่วย จะมีเงินรักษา มีเงินเหลือเก็บให้ลูกหลาน ไม่ใช่หาเงินมาให้หมอใช้ ทำงานหลายปี หมอพูด 5 นาทีดูดเงินเราไปหมด
ดีที่สุดก็คือ “ดูแลตัวเองวันนี้ให้ดีๆ มีส่วนลดค่ารักษาพยาบาลในอนาคต” แต่แม้จะดูแลสุขภาพอย่างดี หากป่วย เราก็ยังต้องเข้าโรงพยาบาล มีทางเลือกอะไรบ้าง ที่ช่วยประหยัดค่ารักษาพยาบาล เช่นกรณี
“รบกวนพี่ๆ หน่อยครับ ผมเองทำงานบริษัทเอกชนมาหลายปี ทุ่มเทให้บริษัทมาตลอด จนสุขภาพย่ำแย่ แต่ก็โชคดีที่บริษัทมีการทำประกันสุขภาพกลุ่ม มีประกันสังคม มาตอนนี้ถูกบริษัทเลิกจ้าง รายได้หยุด แต่ค่าใช้จ่ายไม่ได้หยุดไปด้วย เจ็บป่วยก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะซื้อประกันสุขภาพ เบี้ยประกันก็แพง ทำอย่างไรดีครับ?...น้องเอ็ม”
มีวิธีผ่อนหนักเป็นเบาสำหรับค่ารักษาพยาบาลให้น้องเอ็ม ดังนี้ครับ
ส่วนสิทธิการรักษาพยาบาลมีอะไรบ้าง เราสามารถตรวจสอบได้ผ่านแอป ทางรัฐ
กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข การใช้สิทธิรักษาพยาบาลของผู้บริจาคโลหิต เป็นไปตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2558 แบ่งออกเป็น
1.ผู้บริจาคโลหิต 1 ครั้ง ขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ ตามสิทธิที่สามารถเบิกได้จากหน่วยงานต้นสังกัดก่อน ส่วนที่เกินสิทธิให้เรียกเก็บ 50 %
2.ผู้บริจาคโลหิต 18 ครั้ง ขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือค่าห้องและค่าอาหารพิเศษ 50 % ตามอัตราที่กำหนดไว้
สอบถามรายละเอียด ได้ที่ฝ่ายปรับปรุง และพัฒนากฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โทร. 0 2590 1435
กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในสังกัดสภากาชาดไทย ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี แบ่งออกเป็น
1.ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไป เสียค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ไม่รวมค่ายาและเวชภัณฑ์ หากอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร เสียค่าใช้จ่าย 50 % กรณีผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ ไม่ได้รับการยกเว้น
2.ผู้บริจาคโลหิต 24 ครั้งขึ้นไป ได้รับการยกเว้นค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ไม่รวมค่ายาและเวชภัณฑ์ หากอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร เสียค่าใช้จ่าย 50 % กรณีผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์พิเศษ ไม่ได้รับการยกเว้น
ทั้งนี้ การใช้สิทธิดังกล่าว ผู้บริจาคโลหิตที่มีสิทธิพื้นฐาน เช่น บัตรทอง บัตรข้าราชการ และประกันสังคม ต้องใช้สิทธินั้นก่อน โดยให้นำบัตรประจำตัวของผู้บริจาคโลหิต ขอหนังสือรับรอง ได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ ส่วนภูมิภาค ขอหนังสือรับรองได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ เหล่ากาชาดจังหวัด โรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยหนังสือรับรองใช้ลดหย่อนการรักษาพยาบาลดังกล่าว เป็นครั้งๆไป ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 0 2256 4300 ,0 2263 9600-99 ต่อ 1760,1761 (ประกาศ ณ วันที่ 19 มีนาคม 2561)
บริจาคเงิน: ผู้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลหรือมูลนิธิ จะได้รับสิทธิประโยชน์แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับยอดบริจาคและเงื่อนไขของแต่ละแห่ง เช่น บริจาค 200,000 บาทขึ้นไปให้กับมูลนิธิรามาธิบดี หรือ มูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี จะได้รับสิทธิส่วนลดค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
ทุกปัญหามีทางออก ไม่มีเงิน ไม่ใช่ว่าไม่มีทางรักษา สวัสดิการต่างๆมีอยู่ ลองศึกษาดู อาจพบทางออกที่คาดไม่ถึงก็ได้ครับ