เมื่อทุกฝ่ายเห็นดีเห็นงามว่า “คนละครึ่ง” เป็นโครงการที่ดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้กลับมาคึกคัก อาจดันเศรษฐกิจไทยเติบโตตามเป้าหมายเกิน 2 %
การออกมาประกาศนำนโยบาย “คนละครึ่ง” มาใช้ของรัฐบาล ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกุล” นายกรัฐมนตรี ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก ในยุคข้าวยากหมากแพง ราคาสินค้าปรับขึ้นมานานแล้ว ไม่มีปรับลงเลย หากได้เงินจากรัฐบาลมาช่วยครึ่งหนึ่ง ก็ช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก
เพียงแค่ประกาศว่า นำมาใช้ ทุกหน่วยงานขานรับทันที
ทั้งว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ” ปลัดกระทรวงการคลัง “ลวรณ แสงสนิท” พ่อค้าแม่ค้าตามตลาดนัด ร้านอาหารต่างๆ ที่เคยเข้าร่วมโครงการ
เพราะถือว่าเป็นโครงการที่ดี และได้รับการตอบรับมากที่สุดในช่วงที่นำมาใช้ และเมื่อรัฐบาลจะนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงการคลัง พร้อมดำเนินการ เบื้องต้นได้หารือกับทีมรัฐบาลแล้ว มีข้อสรุปว่า ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้รับสิทธิ์คนละครึ่ง ยกตัวอย่าง ข้าวกะเพราหมูสับ +ไข่ดาว ราคา 70 บาท รัฐบาล จ่ายให้ 35 บาท ประชาชนจ่ายเอง 35 บาท
แต่อาจมีกรณีพิเศษ ให้สำหรับผู้ยื่นแบบภาษี ที่มีอยู่ 10 ล้านคน เสียภาษี 4 ล้านคนนั้น ได้สิทธิ์มากกว่า ยกตัวอย่าง ข้าวกะเพราหมูสับ +ไข่ดาว ราคา 70 บาท รัฐบาล จ่ายให้ 40 บาท ประชาชนจ่ายเอง 30 บาท เป็นต้น
หลักการนี้ รัฐบาล อาจนำมาใช้กับโครงการอื่นๆ ด้วย เพื่อจูงใจประชาชนเข้าระบบภาษีเพิ่มขึ้น และอาจเป็นการยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกหลายตัวในอนาคตก็เป็นได้ เพราะจะช่วยจัดระเบียบสวัสดิการแห่งรัฐทั้งหมด
ส่วนคุณสมบัติโครงการคนละครึ่ง ที่ผ่านมา และคาดว่า“คนละครึ่ง”ครั้งนี้ คุณสมบัติ ไม่น่าจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1.ต้องมีสัญชาติไทย
2.ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันลงทะเบียน
3.ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชน
4.ต้องไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
สำหรับการใช้จ่ายนั้น ต้องใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ซึ่งทุกคนลงทะเบียนไว้เกือบหมดแล้ว กว่า 40 ล้านคน มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 20,000 ร้านค้า และเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลอาจเปิดให้เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นสถาบันการเงินอื่นๆ ได้ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ ใช้การสแกนคิวอาร์โค้ด ในการชำระค่าสินค้า ถือว่าเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสดอย่างเต็มตัว
ส่วนวงเงินการใช้จ่ายนั้น ขณะนี้ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ ได้ทำงานอย่างเป็นทางการก่อน แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินให้ไม่เกินวันละ 150 บาท เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน โดยเฉพาะค่าอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นช่วงที่มีคนใช้จ่ายจำนวนมาก
สำหรับเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้นั้น กระทรวงการคลัง ย้ำว่า ไม่ต้องกังวล หากรัฐบาลต้องการเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่ามีเงินงบประมาณที่จะสามารถนำมาใช้ได้ เบื้องต้นมีงบประมาณสามารถนำมาใช้ได้ราว 25,000 ล้านบาท แต่หากยังไม่พอ ก็สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้
ดังนั้นเมื่อทุกฝ่ายเห็นดีเห็นงามว่า โครงการ “คนละครึ่ง” เป็นโครงการที่ดี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้กลับมาคึกคัก และช่วยดันเศรษฐกิจไทยเติบโตตามเป้าหมายเกิน 2 %
โปรดนั่งนับวันรอรัฐบาลชุดใหม่ทำงาน และรอใช้บริการโครงการ ”คนละครึ่ง“…..
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney