รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึงบริษัท คิง เพาเวอร์ มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปีให้ ผลจากกรณีข้างต้น ทำให้รายได้ของ AOT ในส่วนแบ่งผลประโยชน์ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผู้โดยสาร
ปิดตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ร่วงลงในแบบทะรูดทะราดกว่า 12 จุด ทำให้ราคาไหลลงจาก 50 บาทกว่าๆไปอยู่ที่ 47 บาทต่อหุ้น
จากคำแถลงของ ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ AOT ระบุว่า รายได้ของ AOT มีปัญหาเพราะผู้รับสัมปทานเช่าพื้นที่ ซึ่งหมายถึงบริษัท คิง เพาเวอร์ มีปัญหาขาดสภาพคล่อง ขอยืดเวลาการชำระผลตอบแทนขั้นต่ำออกไปเป็นระยะเวลา 18 เดือน โดยยอมจ่ายค่าปรับ 18% ต่อปีให้
ผลจากกรณีข้างต้น ทำให้รายได้ของ AOT ในส่วนแบ่งผลประโยชน์ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามปริมาณผู้โดยสาร ขณะที่ยอดลูกหนี้ค้างจ่ายสูงขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการมีปัญหาขาดสภาพคล่อง
เรื่องนี้ทำให้นักลงทุนในตลาด รวมถึงรัฐบาลพุ่งเป้าไปหาแพะ นั่นก็คือ คิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้รับสัมปทานเช่า และบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสนามบินนั่นเอง
มิสไฟน์ ว่า บางทีการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน และการจับแพะชนแกะของสื่ออาจสร้างความเข้าใจผิดระหว่างคู่สัญญาสัมปทานทั้งสองฝ่ายได้ ในขณะที่ยังไม่มีใครให้ความสนใจไปที่รายได้ และสภาพคล่องที่ยังไม่กลับมาจริงๆของสนามบิน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
จริงๆภายใต้สภาพการณ์ที่เครื่องบินของสายการบินต่างๆยังมีจำกัด เพราะหลายสายการบินหยุดให้บริการไป เครื่องบินถูกขายและจอดทิ้งจำนวนมากเพราะไม่มีการเดินทางหากัน หรือไปท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาดติดต่อกัน 3-4 ปี
การเพิ่งนำเครื่องบินมาลงยังสนามบินสุวรรณภูมิของสายการบินจากตะวันออกกลางในปี 67 รวมถึงการที่ยังไม่มีสายการบินอีกหลายสายเข้ามา หนำซ้ำสายการบินไทยก็ยังมีเครื่องบินไม่มากพอจะนำผู้โดยสารกลับเข้ามายังประเทศไทยได้
แถมยังมีเครื่องบินเหมาลำจากประเทศจีน เดินทางเข้าไปยังสถานที่เป้าหมายโดยตรง จึงเอารายได้มาเปรียบเทียบกันไม่ได้ในช่วงนี้กับรายได้จากกิจการของสนามบิน และธุรกิจสายการบินที่เติบโตอย่างมโหฬารก่อนการระบาดของไวรัสโควิด
เหตุผลเหล่านี้ ดูเหมือนคิง เพาเวอร์ จะได้แจ้งให้ผู้บริหาร AOT ทราบแล้วในการขอเลื่อนการชำระค่าตอบแทนการบริหารพื้นที่ภายในสนามบินต่างๆ
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ชี้แจงกรณีนี้ว่าการขอเลื่อนเวลาชำระค่าตอบแทนให้ AOT จริงๆเป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา ผู้ประกอบการหลายรายยื่นขอเลื่อนการจ่ายค่าตอบแทนมา โดยเหตุเพราะรายได้ที่ประเมินไว้ไม่เข้าเป้า คิง เพาเวอร์ซึ่งเจอปัญหาแบบเดียวกัน ก็จำเป็นต้องขอเลื่อนการจ่ายออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยกัน
การตั้งเป้าว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเท่านั้นเท่านี้กับความเป็นจริง อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ รายได้ที่หายไปในช่วงโควิดมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่กลับมา ยังมีกรณีของดาราจีน “ซิง ซิง” ที่ถูกหลอกลวงไปเมียนมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหยุดเดินทางมา
“ในฐานะผู้ประกอบการจำเป็นต้องขอความกรุณา และช่วยเหลือจากรัฐขอรับ” ประธานคิง เพาเวอร์ บอกกับมิสไฟน์
ดูการขยายตัวของจีดีพี ปี 67 ก็จะเห็นว่า รัฐบาลสะบักสะบอมกันแทบแย่ แต่จีดีพีโตขึ้นมาได้แค่ 2.5% เท่านั้น.
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม