CPAXT เตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นที่น่าจับตามองหลังราคาหุ้นปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปี สวนทางกับคำแนะนำ "ซื้อ" จากโบรกเกอร์ถึง 15 แห่ง เปิดทิศทางธุรกิจน่าสนใจขนาดไหน ?
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CPAXT กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 คาดว่าจะออกมาในวันที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึงนี้
CPAXT ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าส่งภายใต้แบรนด์ "Makro" และธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ภายใต้แบรนด์ "Lotus's" รวมถึงธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์การค้า ถือเป็นหนึ่งในหุ้นค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ
แม้ว่าภาพรวมตลาดและราคาหุ้น CPAXT จะเผชิญกับความผันผวน โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 28 เมษายน 2568 ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงราว 9.72% หรือคิดเป็นการลดลง 2.65 บาท มาอยู่ที่ระดับ 24.60 บาทต่อหุ้น แต่ทิศทางคำแนะนำจากนักวิเคราะห์กลับสวนทางอย่างน่าสนใจ
ข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) ล่าสุด ชี้ว่ามีโบรกเกอร์ถึง 15 แห่งจากทั้งหมด 18 แห่ง ให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น CPAXT ขณะที่มีเพียง 3 แห่งที่แนะนำ "ถือ" และไม่มีโบรกเกอร์ใดแนะนำ "ขาย" สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทอย่างแข็งแกร่ง โดยให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 39.30 บาท และต่ำสุดที่ 26.00 บาท
สำหรับผลประกอบการที่คาดว่าจะประกาศออกมานั้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาส 1/68 จะยังคงเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แม้ว่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยสูงสุด
หากพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลัง พบว่า CPAXT มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 489,949.17 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8,644.85 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 มีรายได้รวม 512,041.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10,569.08 ล้านบาท
มุมมองจาก บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุว่า คาดการณ์กำไรปกติในไตรมาส 1/68 ของ CPAXT จะอยู่ที่ประมาณ 2.7 พันล้านบาท ลดลง 33% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากไตรมาส 4/67 เป็นช่วง High Season ของทั้ง Makro และ Lotus's
แต่ยังคงเติบโต 8% จากปีก่อน ซึ่งปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่จะเติบโตได้เล็กน้อยราว 0.5–1.5% และอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากไม่มีปัจจัยกระตุ้นพิเศษเหมือนในไตรมาสแรก (เช่น Easy E-receipt, เทศกาลตรุษจีน) แต่ยังคงคาดว่ากำไรจะเติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก Margin ที่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะจากฝั่ง Makro
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2568 ที่ 1.24 หมื่นล้านบาท โต 18% และปี 2569 ที่ 1.42 หมื่นล้านบาท โต 14% YoY โดยคงราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่ 38.25 บาท อิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 32.2 เท่า พร้อมคงคำแนะนำ "Outperform" เนื่องจากคาดการณ์กำไรไตรมาส 1/68 ที่เติบโต และราคาหุ้นปัจจุบันที่ยังไม่แพง
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) มีมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นเล็กน้อย โดยคาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 1/2568 ที่ 2.7 พันล้านบาท (-33% QoQ, +7% YoY) เช่นกัน แรงหนุนมาจากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตทั้งธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น
แนวโน้มไตรมาส 2/68 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังเติบโตจากปีก่อน โดยคาดหวังปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และ Synergies ที่จะเกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการ
อย่างไรก็ตาม บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลงเล็กน้อยราว 4-5% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท หรือโต 12% และ 1.4 หมื่นล้านบาท หรือโต 12% ตามลำดับ เนื่องจากมีความระมัดระวังต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น และได้ปรับลดคาดการณ์ SSSG ลง ส่งผลให้มีการปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ลงเป็น 32.00 บาท แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้น CPAXT จะปรับตัวลงในช่วงต้นปี แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง การเติบโตของรายได้และกำไรในอดีต ประกอบกับมุมมองเชิงบวกจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่ยังคงแนะนำ "ซื้อ" จากคาดการณ์การเติบโตของกำไร และมูลค่าหุ้นที่ยังน่าสนใจ ทำให้นักลงทุนยังคงให้ความสนใจและรอติดตามผลประกอบการไตรมาสแรกที่จะประกาศออกมาอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางการลงทุนต่อไป
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้