หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากปัจจัยหนุนการเร่งเบิกจ่ายงบภาครัฐ ซึ่งจะทำให้มีงานประมูลออกมาอีกมาก พร้อมโอกาสใหม่จากกระแสการลงทุนใน Data Center ของภาคเอกชน โบรกฯ เปิดลิสต์ 2 หุ้นเด่น
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน นักลงทุนต่างมองหาหุ้นในอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเข้ามาสนับสนุน ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่กำลังกลับมาน่าสนใจ และมีแนวโน้มสดใสในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นี้ คือ "กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง"
หลังจากที่ภาพรวมการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ค่อนข้างเงียบเหงาในช่วงครึ่งปีแรก บรรยากาศการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อาจดูไม่หวือหวาเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณบวกจากภาครัฐ
ด้วย "งบประมาณ" ที่ยังมีเม็ดเงินรอการเบิกจ่ายอีกจำนวนมาก ทำให้มีความคาดหวังว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และจะส่งผลดีโดยตรงต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างมีนัยสำคัญ
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจ โดยยังคงคำแนะนำ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน" (OVERWEIGHT) ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ปัจจัยหลักมาจากความคาดหวังว่าการประมูลโครงการภาครัฐจะกลับมาคึกคักในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
ข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 พบว่าอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 33.6% เท่านั้น ซึ่งหมายความว่ายังมีเม็ดเงินรอการเบิกจ่ายอีกจำนวนมาก
และรัฐบาลมีความจำเป็นต้องเร่งผลักดันโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าตามแผน โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ที่จ่อคิวรอเปิดประมูลอีกหลายโครงการ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ คือ กระแสการลงทุนใน Data Center ซึ่งกำลังกลายเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ช่วยหนุนการเติบโตของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างด้วย
ข้อมูลจาก BOI ระบุว่า ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2568 มีโครงการ Data Center และ Data Hosting ที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้วมูลค่ารวมสูงถึง 367,400 ล้านบาท การลงทุนเหล่านี้จะทยอยเกิดขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ซึ่งจะเป็นโอกาสมหาศาลสำหรับผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพางานภาครัฐเพียงอย่างเดียว และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
เมื่อมองลึกลงไปที่หุ้นรายตัว บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า มี 2 บริษัทใหญ่ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่น่าสนใจเป็นพิเศษภายใต้สถานการณ์นี้ ได้แก่
1.บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น CK - ราคาเป้าหมาย 20.20 บาท
แม้ในช่วงต้นปีจะยังไม่มีการเซ็นสัญญางานใหม่ แต่ CK มีงานในมือ (Backlog) ที่แข็งแกร่งกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการรับรู้รายได้ไปได้อีก 4-5 ปีข้างหน้า
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง CK มีแนวโน้มที่จะได้รับงานก่อสร้างเพิ่มเติม จากโครงการทางด่วน Double Deck มูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ
นอกจากนี้ ยังพิจารณาเข้าร่วมประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงการระบบราง และถนน ซึ่งคาดว่าจะทยอยเปิดประมูลในปีนี้
2.บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น STECON - ราคาเป้าหมาย 9 บาท
STECON ถูกยกให้เป็น หุ้นเด่น (Top Pick) ของกลุ่ม ด้วยการเริ่มต้นปี 2568 อย่างแข็งแกร่งจากการเซ็นสัญญาโครงการ Data Center ของภาคเอกชนมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท และยังมีแผนจะเซ็นสัญญาโครงการส่วนต่อขยายมอเตอร์เวย์ M7 (เชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา) อีก 27,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เชื่อว่า STECON ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายที่จะบรรลุออเดอร์ใหม่มูลค่า 5.0 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 โดยได้รับการสนับสนุนจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของการประมูลโครงการภาครัฐในครึ่งปีหลัง
รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทในการขยายพอร์ตโฟลิโอภาคเอกชนเพิ่มเติม โดยตั้งเป้ามูลค่าเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาท พื้นโฟกัสสำคัญๆ ได้แก่ โครงการ Data Center, โครงการพลังงานหมุนเวียน, โครงการโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการอาคารพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของ backlog ในระยะกลางถึงระยะยาว และสนับสนุนการรับรู้รายได้ที่มั่นคงในอนาคต
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้