CPAXT โชว์ผลงาน Q2/68 แข็งแกร่ง กำไรโต 5.1% สวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา ความสำเร็จนี้มีปัจจัยสำคัญจากการควบรวม "แม็คโคร-โลตัส" ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างชัดเจน
นาทีนี้ธุรกิจค้าปลีกใหญ่ของไทยที่น่าจับตา คงหนีไม่พ้น CPAXT ที่เพิ่งประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซา ด้วยกำไรสุทธิ 2,286 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้มาจากยอดขายที่เติบโตเพียงอย่างเดียว
แต่มีปัจจัยสำคัญมาจาก "อานิสงส์ของการควบรวมกิจการ" ระหว่างแม็คโครและโลตัส ที่เริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
การควบรวมกิจการครั้งประวัติศาสตร์นี้ กำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และกลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในปัจจุบันและอนาคต
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิ 2,286 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวอย่างจำกัด
ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มธุรกิจ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพหลังการควบรวมกิจการ พร้อมเปิดเผยกลยุทธ์เชิงรุกสำหรับครึ่งหลังของปี 2568 โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตในอัตราเร่งขึ้น
หัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ CPAXT คือการสร้าง Omni Channel ที่แข็งแกร่ง โดยในไตรมาส 2 ยอดขายจากช่องทางนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 20.6% ของรายได้จากการขาย และบริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนนี้ให้แตะระดับ 22% ภายในสิ้นปี 2568 โดยใช้เทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
ขณะเดียวกัน เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า CPAXT ได้เน้นการนำเสนอสินค้าคุณภาพในราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้า Private label, Exclusive brand, และ Axtra Find ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารพร้อมปรุงและพร้อมทานใหม่ๆ เช่น ไก่ย่างสูตรพิเศษ และสุกี้พร้อมปรุง เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้า
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้กำไรสุทธิเติบโต คือ "การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นผลจากการควบบริษัท" ไม่ใช่แค่การเติบโตของยอดขายเพียงอย่างเดียว
หากมองย้อนกลับไป การควบรวมกิจการระหว่าง "แม็คโคร" และ "โลตัส" ถือเป็นหนึ่งในดีลธุรกิจครั้งประวัติศาสตร์ของวงการค้าปลีกค้าส่งไทย โดยกระบวนการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญนี้ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ในขณะนั้น บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศแผนการรับโอนกิจการทั้งหมดของโลตัสในประเทศไทยเข้ามาอยู่ภายใต้โครงสร้างเดียวกัน และได้เปลี่ยนชื่อจาก "สยามแม็คโคร" เป็น "บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)" หรือ CPAXT ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
การผนึกกำลังกันของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ทำให้บริษัทสามารถลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้จริง โดยเห็นผลชัดเจนจาก "ค่าใช้จ่ายในการบริหาร" ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
CPAXT ยังมองไปข้างหน้าว่า ผลประโยชน์จากการควบรวมจะยิ่งชัดเจนขึ้นอีกในอนาคต โดยในครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทคาดว่าจะเห็น "การเร่งตัวของมูลค่าเพิ่มจากการผนึกกำลังหลังการควบบริษัท" โดยเฉพาะในด้านการลดต้นทุนการดำเนินงาน ผ่านการรวมศูนย์จัดซื้อและการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง
หากไปดูความเห็นจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จะเห็นว่าส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นของ CPAXT ข้อมูลจากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) ระบุว่า มีโบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ” จำนวน 12 ราย และแนะนำ “ถือ” จำนวน 5 ราย ที่ราคาเป้าหมายสูงสุด 32.00 บาท และต่ำสุด 20.00 บาท
บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เมื่อมองไปยังไตรมาส 3/68 คาดกำไรของ CPAXT มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน (แม้ยอดขายสาขาเดิมในเดือน ก.ค.จะทรงตัว)
หนุนจากการสร้าง Synergy อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 กำไรสามารถบรรลุเป้าหมาย 51% ของเป้าหมายปี 2568 โดยกำไรหลักครึ่งแรกของปี 2568 ที่ 4,929 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6%) คิดเป็น 43% ของประมาณการกำไรหลักปี 2568 ของเราที่ 11,578 ล้านบาท
ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วนกำไรปกติของครึ่งแรกของปี (43-44%) ดังนั้น ยังคงประมาณการดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และแนะนำซื้อหุ้น CPAXT อิงจากการเติบโตของกำไรในช่วงปี 2568-2569 เติบโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกอย่างมีนัยสำคัญ
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้