ถอด 3 แนวคิดลงทุนสไตล์ "บิล เกตส์" พิมพ์เขียวการเงินที่คนธรรมดา สามารถนำไปปรับใช้จนมั่งคั่งได้

Investment

Wealth Management

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ถอด 3 แนวคิดลงทุนสไตล์ "บิล เกตส์" พิมพ์เขียวการเงินที่คนธรรมดา สามารถนำไปปรับใช้จนมั่งคั่งได้

Date Time: 26 ส.ค. 2568 15:34 น.

Video

อธิบาย Palantir ทำธุรกิจอะไรกันแน่ ? บริษัทแปลกๆ ที่อยู่ดีๆก็ดัง | Digital Frontiers EP.45

Summary

ความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน และไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขในบัญชีอย่างเดียวเพราะต่อให้มีรายได้หลักหมื่น หลักแสน หรือแม้แต่หลักล้าน แต่ถ้า “บริหารเงินไม่เป็น” สุดท้ายก็อาจเหลือศูนย์อยู่ดี แล้วคนที่สามารถรักษาและต่อยอดความมั่งคั่งให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทำอย่างไร ? หนึ่งในบุคคลต้นแบบที่ชัดเจนที่สุดคือ บิล เกตส์ (Bill Gates) ซึ่งเขาไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้ง Microsoft ที่เปลี่ยนโลกเทคโนโลยี แต่ยังเคยครองตำแหน่ง “บุคคลที่รวยที่สุดในโลก” ยาวนานถึง 18 ปี แม้ปัจจุบันเขาจะไม่ใช่มหาเศรษฐีอันดับ 1 แต่ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่มากกว่าแสนล้านเหรียญยังเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีเลยว่าแนวคิดการลงทุนของเขานั้นมีชั้นเชิงเกินกว่าการ “หาเงิน” ธรรมดา เพราะมันคือ “พิมพ์เขียวทางการเงิน” ที่คนธรรมดาก็สามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้ บทความนี้ Thairath Money จะพาคุณไปถอด 3 แนวคิดลงทุนสไตล์ บิล เกตส์ ที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับเงินทอง แต่ยังเป็น “วิธีคิด” ที่ช่วยให้ความมั่งคั่งอยู่กับเราได้ยาวนานที่สุด จนกลายเป็นความยั่งยืนของชีวิต ที่ไม่ต้องวิ่งไล่ตามเงินอย่างไร้จุดหมาย

Latest


ความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน และไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขในบัญชีอย่างเดียวเพราะต่อให้มีรายได้หลักหมื่น หลักแสน หรือแม้แต่หลักล้าน แต่ถ้า “บริหารเงินไม่เป็น” สุดท้ายก็อาจเหลือศูนย์อยู่ดี

แล้วคนที่สามารถรักษาและต่อยอดความมั่งคั่งให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทำอย่างไร ? 

หนึ่งในบุคคลต้นแบบที่ชัดเจนที่สุดคือ บิล เกตส์ (Bill Gates) ซึ่งเขาไม่เพียงแต่เป็นผู้ก่อตั้ง Microsoft ที่เปลี่ยนโลกเทคโนโลยี แต่ยังเคยครองตำแหน่ง “บุคคลที่รวยที่สุดในโลก” ยาวนานถึง 18 ปี

แม้ปัจจุบันเขาจะไม่ใช่มหาเศรษฐีอันดับ 1 แต่ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่มากกว่าแสนล้านเหรียญยังเป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีเลยว่าแนวคิดการลงทุนของเขานั้นมีชั้นเชิงเกินกว่าการ “หาเงิน” ธรรมดา เพราะมันคือ “พิมพ์เขียวทางการเงิน” ที่คนธรรมดาก็สามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้

บทความนี้ Thairath Money จะพาคุณไปถอด 3 แนวคิดลงทุนสไตล์ บิล เกตส์ ที่ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับเงินทอง แต่ยังเป็น “วิธีคิด” ที่ช่วยให้ความมั่งคั่งอยู่กับเราได้ยาวนานที่สุด จนกลายเป็นความยั่งยืนของชีวิต ที่ไม่ต้องวิ่งไล่ตามเงินอย่างไร้จุดหมาย

1. ออมแบบคนมองโลกในแง่ร้าย แต่ลงทุนแบบคนมองโลกในแง่ดี

หนึ่งในปรัชญาที่บิล เกตส์ยึดถือมาโดยตลอด คือการ ออมอย่างระมัดระวัง ราวกับโลกจะเกิดวิกฤติขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ในขณะเดียวกันก็ ลงทุนด้วยมุมมองเชิงบวก ราวกับอนาคตเต็มไปด้วยโอกาส

ถามว่า ทำไมต้องมองโลกสองด้านต้องบอกว่า เกตส์เติบโตมาท่ามกลางยุคที่เศรษฐกิจผันผวน เขาเชื่อว่าความมั่นคงทางการเงินต้องมี “กันชน” เอาไว้เสมอ เขาจึงเก็บเงินสดและสินทรัพย์ปลอดภัยไว้เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ โรคระบาด หรือความเสี่ยงธุรกิจ

แต่ขณะเดียวกัน เขาเชื่อว่าอนาคตจะมีการเติบโตจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพสร้างอนาคต เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีชีวภาพ หรือเกษตรกรรมสมัยใหม่ไปด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า   

สิ่งที่เราปรับใช้ได้

  • ก่อนที่จะคิดถึงการลงทุนที่หวือหวา สิ่งแรกที่ควรทำคือการสร้าง "ฐาน" ทางการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนเท่าไหร่ การจัดสรรเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเงินสำรองสำหรับอย่างน้อย 6-12 เดือนของค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 

  • ต่อมาคืออย่าเอาเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ต้องเก็บบางส่วนไว้ในรูปแบบปลอดภัย เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้

  • ลงทุนในสิ่งที่มีอนาคต เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สุขภาพ หรือกองทุนที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงโลก

  • ฝึก “แยกกระเป๋า” ให้ชัดเจน ระหว่างกระเป๋าสำหรับรับมือวิกฤติ กับกระเป๋าสำหรับสร้างความมั่งคั่งระยะยาว

2. อย่าใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว กระจายความมั่งคั่งอย่างมีกลยุทธ์

หลายคนได้ยินเรื่องราวของ บิล เกตส์ อาจจะยังเข้าใจผิดกันว่าความมั่งคั่งของเขามาจากการถือหุ้น Microsoft เพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว หลังจากลงจากตำแหน่งซีอีโอ เขากระจายความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดผ่านบริษัทลงทุนส่วนตัวที่ชื่อว่า Cascade Investment, L.L.C. ที่เขาได้โยกย้ายความมั่งคั่งส่วนใหญ่จากหุ้น Microsoft ที่เคยเป็นรากฐาน ไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น    

โดยหลักคิดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คือ เกตต์มองว่าเขาไม่ควร “ฝากอนาคต” ไว้กับธุรกิจเดียว เพราะรู้ดีว่าโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ธุรกิจที่รุ่งโรจน์วันนี้อาจซบเซาในอีกสิบปีข้างหน้าก็เป็นไปได้ 

ตัวอย่างการลงทุนที่หลากหลายของ บิล เกตส์

ที่ดินเกษตรกว่า 270,000 เอเคอร์ ที่ทำให้เขากลายเป็นเจ้าของที่ดินเกษตรรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ตรงนี้ถือเป็นการลงทุนที่โดดเด่นที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้  แต่อันที่จริงแล้ว การลงทุนที่ดินเหล่านี้มีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่าแค่การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร  คือ เขามองว่าที่ดินเพื่อการเกษตรเป็นสินทรัพย์ที่ไม่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรของตลาดหุ้น และทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่ดี นอกจากนี้ ที่ดินเหล่านี้ยังเป็นเสมือน "ห้องทดลอง" สำหรับเทคโนโลยีการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตได้อีกด้วย  

นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต โดยเขาลงทุนในเครือโรงแรมระดับโลกที่สร้างรายได้มั่นคงจากการท่องเที่ยว ธุรกิจพลังงานสะอาด  ที่เขาได้สนับสนุนบริษัทที่วิจัยและพัฒนาพลังงานหมุนเวียน เพราะเชื่อว่าโลกอนาคตต้องการพลังงานที่ยั่งยืน ตลอดจนเทคโนโลยีและการรีไซเคิล มีการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การรีไซเคิลขยะอุตสาหกรรม

สิ่งที่เราปรับใช้ได้

แน่นอนว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีเงินหลายพันล้านเพื่อลงทุนแบบนี้ก็ได้ แต่คุณสามารถนำแนวคิดไปปรับใช้ได้ การกระจายความเสี่ยงไม่ได้หมายถึงแค่การซื้อหุ้นหลายๆ ตัว แต่คือการมองหาสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น การลงทุนในธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กของคุณเอง การซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่การลงทุนในกองทุนที่เน้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คุณเชื่อมั่นในระยะยาว  โดยสรุปคือ 

  • อย่าเก็บเงินไว้ที่เดียว เช่น ฝากธนาคารอย่างเดียว  แน่นอนว่าเงินเสื่อมค่าตามเงินเฟ้อ

  • กระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์ เช่น หุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหาฯ หรือแม้แต่ที่ดินเกษตรเล็กๆ

  • พิจารณาสร้าง “พอร์ตโฟลิโอส่วนตัว” ที่มีทั้งสินทรัพย์ปลอดภัย (low risk) และสินทรัพย์สร้างการเติบโต (high return)

3. มองการกุศลเป็น “การลงทุนระยะยาว”

สำหรับบิล เกตส์ “การให้” คือ "บทสุดท้าย" ของชีวิตทางการเงินของเขา โดยเขาและอดีตภรรยาได้ก่อตั้งมูลนิธิ   Bill & Melinda Gates Foundation ซึ่งทำหน้าที่เป็นยานพาหนะหลักในการบริจาคทรัพย์สินเกือบทั้งหมด (มากกว่า 99%) ทุ่มงบกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาสาธารณสุข การศึกษา และความยากจน พร้อมกับตั้งเป้าหมายว่า ในปี 2045 มูลนิธิจะปิดตัวลง หลังจากนำทรัพย์สินทั้งหมดไปสร้างผลลัพธ์ให้กับโลก

เหตุผลที่เขาไม่ปล่อยให้มูลนิธิดำเนินไปตลอดกาลเหมือนองค์กรการกุศลทั่วไป คือเขาเชื่อว่าการอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลในตอนนี้จะช่วยให้ปัญหาเร่งด่วนของโลกได้รับการแก้ไขได้รวดเร็วกว่า   

แล้วทำไมสำหรับเขา มองว่า การกุศลคือ “การลงทุน” กล่าวคือ เมื่อโลกมีสาธารณสุขที่ดีขึ้น เศรษฐกิจโลกก็เติบโต ธุรกิจต่างๆ ก็ได้ประโยชน์ เมื่อการศึกษาดีขึ้น สังคมก็ได้แรงงานคุณภาพ  สร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ สุดท้ายเมื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน  โอกาสลงทุนใหม่ก็เกิดขึ้นต่อเนื่อง

สิ่งที่เราปรับใช้ได้

การบริจาคไม่จำเป็นต้องรอให้คุณร่ำรวยเป็นพันล้าน แต่คุณสามารถเริ่มต้นจากการใช้เงินเพื่อสนับสนุนสิ่งที่สร้างผลกระทบเชิงบวกในชีวิตของคุณและผู้อื่นได้ อาจเป็นการบริจาคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสนับสนุนองค์กรที่คุณเชื่อมั่น

หรือแม้แต่การเลือกลงทุนในสิ่งที่สร้างคุณค่าร่วมกัน อย่าง ธุรกิจเพื่อสังคม (social enterprise) หรือกิจกรรม CSR เล็กๆ นอกจากนี้การให้ไม่เพียงแต่ช่วยผู้อื่น แต่ยังช่วยให้เรามี “เครือข่าย ความสัมพันธ์ และโอกาสใหม่ๆ” ที่กลับมาสร้างคุณค่าในชีวิตเราเองได้อีกด้วย 

โดยสรุปแล้วปรัชญาการลงทุนของบิล เกตส์ทำให้เราเห็นว่า ความมั่งคั่งไม่ใช่แค่การสะสมตัวเลขในบัญชี แต่คือการ “สร้างระบบการเงินที่ยั่งยืน” เพราะสุดท้ายแล้ว ความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ใช่การมีมากที่สุด แต่คือการ “บริหารอย่างชาญฉลาดที่สุด” ซึ่งแนวคิดสไตล์ บิล เกตส์ คือพิมพ์เขียวที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ เพื่ออนาคตการเงินที่มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ