ในยุคที่การสร้างความมั่งคั่งไม่สามารถพึ่งพิงเพียงเงินฝากอีกต่อไป "การลงทุน" ได้กลายเป็นประตูสำคัญสู่การปลดล็อกศักยภาพทางการเงิน ทว่าสำหรับหลายคน โดยเฉพาะมือใหม่ การเริ่มต้นอาจดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้จัด Mini Workshop "Invest Smart, Start Now" ในงาน Thairath Money Roadshow 2025 ขึ้น เพื่อไขทุกข้อสงสัยและปูทางให้นักลงทุนมือใหม่สามารถ "จัดพอร์ต" การลงทุนให้เหมาะสมกับตนเองได้อย่างมั่นใจและเข้าใจง่ายภายใน 1 ชั่วโมง
โดยหัวใจสำคัญของ Workshop นี้คือการเปลี่ยนเรื่องการเงินที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องที่จับต้องได้ ผ่าน 3 แผนการเงินหลักที่ครอบคลุมทุกมิติของการสร้างความมั่งคั่ง ได้แก่
1. Investment จัดพอร์ตตามระดับ Risk Profile
ก่อนจะออกเดินทาง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการรู้จักเป้าหมายและขีดจำกัดของตนเอง การลงทุนก็เช่นกัน Workshop ได้เริ่มต้นด้วยการทำแบบประเมินความเสี่ยง ซึ่งไม่ใช่แค่การตอบคำถาม แต่เป็นการสำรวจ "DNA ทางการเงิน" ของเราอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางการเงินในปัจจุบัน ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไปจนถึงเป้าหมายในอนาคต เพื่อประเมินว่าเราสามารถยอมรับความผันผวนจากการลงทุนได้ในระดับใด และเราอยู่ในความเสี่ยงระดับไหน
2. Tax Saving การลงทุนตามฐานภาษี
การลงทุนที่ชาญฉลาดต้องมาพร้อมกับการวางแผนภาษีที่มีประสิทธิภาพ Workshop ได้แนะนำแนวทางการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว แต่ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามฐานภาษีของแต่ละบุคคลอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. Protection บริหารความคุ้มครอง
แผนการลงทุนที่ดีอาจสะดุดลงได้จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดังนั้นการสร้าง "ตาข่ายความปลอดภัย" ผ่านการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป้าหมายทางการเงินของเราจะยังคงดำเนินต่อไปได้ แม้ต้องเผชิญกับวิกฤตส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นเจ็บป่วยหนัก อุบัติเหตุ หรือทุพพลภาพ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจบั่นทอนเงินออมและเงินลงทุนของคุณได้ หากไม่มีการวางแผนป้องกันที่ดีพอ
6 ขั้นตอนการวางแผนการลงทุนอย่างมืออาชีพ
1. กำหนดเป้าหมายทางการเงิน เพื่อให้การนำเสนอพอร์ตการลงทุนสอดคล้องและเหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการของคุณ
2. ประเมินความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตการลงทุนของคุณจะสอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
3. ทบทวนพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน เพื่อให้ทราบถึงสถานะการลงทุน ณ ปัจจุบัน ว่ามีสัดส่วนการลงทุนเป็นอย่างไร และมีประสิทธิภาพหรือไม่
4. นำเสนอพอร์ตการลงทุนใหม่ นำเสนอพอร์ตการลงทุนใหม่ที่สอดคล้องตามเป้าหมายและระดับการยอมรับความเสี่ยงและคำนึงถึงสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน เพื่อให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพสูงสุด
5. ลงทุนตามแผนที่วางไว้ โดยที่ปรึกษาการเงินและการลงทุน จะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่บัวหลวงเอ็กซ์คลูซีฟที่ดูแลคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าการทำธุรกรรมเป็นไปตามแผนการลงทุนที่ต้องการ
6. ติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับพอร์ตการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะเดียวกัน ธนาคารกรุงเทพ ยังได้นำเสนอแนวคิด "Start Smart" เพื่อปูพื้นฐานการเงินที่แข็งแกร่งก่อนเริ่มลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึง 3 เหตุผลหลักที่ทุกคนควรให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน
1. อายุมากขึ้น และอายุที่ยืนยาวขึ้น คนเรามีแนวโน้มอายุยืนยาวขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิง ทำให้ช่วงชีวิตหลังเกษียณ (หลังอายุ 60 ปี) ซึ่งเป็น "ช่วงใช้เงิน" ยาวนานขึ้น ขณะที่ "ช่วงเก็บเงิน" หรือวัยทำงานมีจำกัด การเตรียมเงินให้เพียงพอสำหรับอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
2. มูลค่าเงินที่ลดลง (เงินเฟ้อ) ภาวะเงินเฟ้อทำให้ของแพงขึ้น หรือเงินเท่าเดิมซื้อของได้น้อยลง อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยของไทยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 1.5-2.5% ต่อปี ซึ่งอาจดูไม่มาก แต่เมื่อสะสมเป็นระยะเวลานาน จะบั่นทอนกำลังซื้ออย่างมหาศาล การวางแผนการเงินจะช่วยให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนที่เอาชนะเงินเฟ้อ และรักษามูลค่าของเงินไว้ได้
3. ทุกความฝันต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายเล็กหรือใหญ่ ตั้งแต่การซื้อของที่อยากได้ การสร้างครอบครัว การเดินทางท่องเที่ยว การศึกษาต่อ หรือชีวิตที่สุขสบายในบั้นปลาย ล้วนต้องอาศัยเงินทุน การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้ความฝันเหล่านั้นเป็นจริงได้
ดังนั้น การวางแผนการเงินที่ดี จะช่วยให้สามารถสร้างความฝันเหล่านั้นให้เป็นจริงได้ และจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิตและการลงทุนที่วางแผนไว้ก็จะประสบผลสำเร็จได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกัน เสาวรส ทวีบรรจงสิน ที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยังได้เน้นย้ำว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จคือ "การจัดพอร์ตการลงทุน" (Asset Allocation) ซึ่งหมายถึงการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หุ้น ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนดีที่สุดตลอดเวลา การกระจายความเสี่ยงจะช่วยให้พอร์ตโดยรวมเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
โดยสรุปแล้ว การวางแผนการเงินแบบ "Start Smart" คือการเริ่มต้นอย่างถูกต้องและครอบคลุม ตั้งแต่การออมอย่างมีวินัย, การบริหารจัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ, การโอนย้ายความเสี่ยงด้วยการทำประกัน และการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง อันจะนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินที่ทุกคนปรารถนาได้ในที่สุด
ซึ่งทางธนาคารกรุงเทพ มีทีมนักวิเคราะห์และ CIO (Chief Investment Officer) คอยให้ข้อมูลและคำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อนำเสนอแนวทางและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นักลงทุนแต่ละราย
เพราะการลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่จำเป็นต้องใช้รูปแบบเดียวกันสำหรับทุกคน หัวใจสำคัญคือ การทำความเข้าใจระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ เพื่อจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อย่างเหมาะสม
อ้างอิง ธนาคารกรุงเทพ