"บัตรเครดิต - แอปเงินด่วน” ระบบสินเชื่อยุคใหม่ของคนรายได้น้อย ที่ไม่มีสลิปแต่มีความจำเป็น

Personal Finance

Financial Planning

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

"บัตรเครดิต - แอปเงินด่วน” ระบบสินเชื่อยุคใหม่ของคนรายได้น้อย ที่ไม่มีสลิปแต่มีความจำเป็น

Date Time: 30 ก.ค. 2568 11:00 น.

Video

SENA สร้างโซลูชันธุรกิจ แก้ปัญหาสังคม แก้วิกฤติอสังหาฯ ขายไม่ออก | On The Rise

Summary

บัตร-แอป-หนี้ แทนเงินสด เงาสะท้อนระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนต้องดิ้นรนด้วย "เครดิต" คนหาเช้ากินค่ำ ไม่มีสลิป แต่มี LINE BK ตลาดธุรกรรมแข่งดุ "บัตรเครดิต - แอปเงินด่วน” เหมือนหรือต่างกันยังไง

ในยุคที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกปี“การมีเครดิต” กลายเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตประจำวัน มากกว่าความหรูหราเหมือนในอดีต

 เมื่อ “บัตรเครดิต” ไม่ใช่แค่ของคนมีเงินอีกต่อไป Thairath Money เจาะข้อมูลวิจัยของ LH Bank พบว่า ตลาดบัตรเครดิตในไทยในปี 2566 มีการแข่งขันสูงและกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มผู้นำไม่กี่ราย

โดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ครองส่วนแบ่งสูงสุดที่ 20.6% ตามด้วย บัตรกรุงศรี (KCC) 19.8%, KTC 16.3% และ CardX 14.7%

สิ่งที่น่าสนใจคือ กลุ่มผู้ใช้งานหลักของบัตรเครดิต ยังคงเป็น คนมีรายได้ประจำ กลุ่มชนชั้นกลาง-บน ที่ธนาคารประเมินว่า "ปลอดภัย" ในการปล่อยวงเงินให้

แต่แม้บัตรเครดิตจะเต็มไปด้วยโปรโมชั่น ผ่อน 0% และคะแนนสะสม แต่กระบวนการอนุมัติยัง “ไม่ง่าย” สำหรับทุกคน เพราะเงื่อนไขต่างๆ 

  • ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ
  • ต้องมีสลิปเงินเดือนหรือเอกสารยืนยันรายได้
  • และต้องไม่มีประวัติเสียด้านเครดิต

ในอีกด้านหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ กลับมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่แม้มีความสามารถในการผ่อนจ่าย แต่กลับ “ไม่เข้าเกณฑ์” ของธนาคาร

ช่องว่างที่แอปสินเชื่อใหม่ “มองเห็น”

จากรายงานของ LH Bank ระบุว่า ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยกำลังเปลี่ยนทิศ ผู้เล่นใหม่อย่าง Finnix, MoneyThunder และ LINE BK กำลังเจาะเข้าช่องว่างที่ธนาคารไม่สามารถลงไปถึง

สิ่งที่ทำให้ฟินเทคเหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว คือ ...

  • ไม่ต้องใช้หลักประกัน
  • ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน
  • รู้ผลไว อนุมัติในแอปภายในไม่กี่นาที
  • และสามารถเข้าถึงกลุ่ม “อาชีพอิสระ - รายได้ไม่แน่นอน และไม่อยู่ในระบบ

ซึ่งกลายเป็น "ทางเลือกใหม่" ให้กับคนที่อยู่ในสภาวะเงินขาดมือบ่อย ๆ  แม้พวกเขาอาจไม่ใช่คนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

บัตร VS แอป ใครใช้ ต่างกันอย่างไร ? 

บัตรเครดิต

  • กลุ่มเป้าหมาย : คนมีรายได้ประจำ
  • การเข้าถึง : ต้องมีเอกสารรายได้ /ตรวจเครดิต 
  • ความเร็วในการอนุมัติ : หลายวัน 
  • จุดขาย : ผ่อน 0% สะสมแต้ม และ โปรโมชั่น 
  • ดอกเบี้ย : สูงสุด 16% ต่อปี (ตามเพดาน ธปท.)

แอปสินเชื่อ (ฟินเทค)

  • กลุ่มเป้าหมาย : คนอาชีพอิสระ /รายได้น้อย 
  • การเข้าถึง : ไม่ต้องมีเอกสารมาก /ใช้ AI ระบบอัตโนมัติประเมิน 
  • ความเร็วในการอนุมัติ : ทันทีในแอป 
  • จุดขาย : เงินด่วน /เข้าถึงง่าย /ไม่ซับซ้อน 
  • ดอกเบี้ย : สูงกว่า 20-25% ต่อปี ขึ้นกับเงื่อนไข 


เมื่อหนี้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่คือ “กลไกอยู่รอด”

จากทิศทางเศรษฐกิจในปี 2567-2568LH Bank คาดการณ์ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวได้ไม่เร็ว

  • รายได้โตช้า
  • หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง
  • ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง

แม้จะมีมาตรการผ่อนปรน เช่น ให้จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตเพียง 8% ของยอดค้าง (ขยายถึงสิ้นปี 2568) แต่หากคนยังต้องพึ่งพา “เครดิต” เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมลูก หรือแม้แต่เงินฉุกเฉินตอนเจ็บป่วย นั่นสะท้อนว่าหนี้กลายเป็น “สิ่งที่คนธรรมดาต้องมี”  เพื่อประคับประคองชีวิต

จะเห็นได้ว่า ทั้งหนี้บัตร และหนี้แอป ต่างมีข้อดีข้อเสียแต่สิ่งที่เหมือนกันคือ มันสะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ที่ทำให้คนจำนวนมาก “ไม่มีเงินสดเพียงพอ”และหันมาใช้ “เครดิต” เพื่ออยู่ให้รอดในแต่ละเดือน

สำหรับบางคน การมีบัตรเครดิต คือเครื่องมือทางการเงินสำหรับอีกคน การกดเงินจากแอป คือทางรอดสุดท้ายก่อนสิ้นเดือน และหากจะกล่าวได้ว่า บัตรเครดิตและฟินเทคจะไม่ควรเป็นคำตอบของ “ความเปราะบางทางการเงิน” ที่ฝังรากแต่ควรเป็นสัญญาณเตือนให้เราเริ่มต้นวางแผนและเรียกร้องให้ระบบเศรษฐกิจไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ก็คงไม่ผิดนัก 

ที่มา : วิจัย LH


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ