Singapore Regional Business Forum 2025 เตรียมจัดขึ้นครั้งแรกในไทย ฉลอง 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมไฮไลต์ Green Finance และงานจับคู่ธุรกิจที่รวมกว่า 20 บริษัทจากสิงคโปร์
สภาธุรกิจสิงคโปร์ หรือ Singapore Business Federation ประกาศจัดงานประชุมธุรกิจระดับภูมิภาคสิงคโปร์ (Singapore Regional Business Forum หรือ SRBF) ครั้งแรกในประเทศไทย วันที่ 19 สิงหาคม 2568 นี้
โดยที่ผ่านมา งาน SRBF จัดขึ้นที่สิงคโปร์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2558 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเวทีระดับสูงที่รวบรวมผู้นำธุรกิจระดับสูง ตัวแทนจากภาครัฐ และภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อหารือเกี่ยวกับ วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ โอกาสทางธุรกิจ รวมถึงการลงทุนที่เกิดขึ้นใหม่ในภูมิภาค
โดยทั้ง 8 ครั้งที่ผ่านมาของงาน SRBF ประสบความสำเร็จจากการดึงดูดนักลงทุนกว่า 300 คนจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ SRBF ครั้งที่ 9 ในปี 2568 นี้ เป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์ทางการค้าของไทยและเพื่อนบ้านได้ดี นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสิงคโปร์และประเทศไทย
สิงคโปร์ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอาเซียน
รวมถึงตัวเลขการค้าระหว่างสองประเทศที่เติบโตขึ้น ด้วยมูลค่าการค้าทวิภาคีในปี 2567 เพิ่มขึ้น 6.4% แตะ 4.45 หมื่นล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 1.12 ล้านล้านบาท
โดยสิงคโปร์ยังคงเป็นหนึ่งในนักลงทุนอันดับต้นๆ ในประเทศไทย และในปี 2567 สิงคโปร์เป็นแหล่งเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อันดับหนึ่งของประเทศไทย โดยมีจำนวน 305 โครงการ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคบริการดิจิทัลและการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าการลงทุนรวม 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 43% ของการยื่นขอรับการส่งเสริม FDI ทั้งหมด
ซึ่งในการประชุม SRBF 2025 ที่จะจัดขึ้นนี้ มีตัวแทนระดับสูงจากทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศเข้าร่วม
ดร. ตัน ซี เล้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จากสิงคโปร์ และเช่นเดียวกับฝั่งไทย พิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้แทนจากภาครัฐบาลไทย
นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนจากภาคเอกชนที่สำคัญ เช่น เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งจะนำเสนอภาพรวมธุรกิจและการลงทุนของประเทศไทย และภาคเอกชนอื่น ๆ ร่วมด้วย
หัวข้อหลักของการสัมมนาในปีนี้คือ "ความยืดหยุ่นทางธุรกิจในเอเชีย: การเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนของโลกและการเปลี่ยนแปลงทางการค้า" โดยมุ่งเน้นถึงความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ "เศรษฐกิจสีเขียว" (Green Economy)
เนื่องจากสิงคโปร์เล็งเห็นศักยภาพและความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเติบโตในเรื่องนี้ หลังจากประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย และเป็นอันดับสามของโลกที่ออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond - SLB) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567
โดยหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การลงทุนของบริษัท Keppel จากสิงคโปร์ในโครงการ “Samyan District Cooling System”
โครงการนี้เป็นระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) ให้บริการพื้นที่โดยรอบโครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้ ซึ่งสามารถช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 20-35% เมื่อเทียบกับระบบปรับอากาศทั่วไป มีมูลค่าการลงทุนขณะนี้ราว 7.5 พันล้านบาท และคาดว่าจะมีการลงทุนต่อเนื่องในเฟสถัดไป
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมองว่าประเทศไทยมีพื้นฐานทรัพยากรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานชีวภาพ (Bio-based energy) ที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
ผิง ซุน ก๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SBF กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงต้นปี 2568 ไทยและสิงคโปร์ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันในหลายกลุ่มกิจการ ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองผู้บริโภค E-commerce และ Fintech
และนอกเหนือจากการประชุมธุรกิจหลักแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญในช่วงวันที่ 17 - 23 สิงหาคม 2568 คือ “Overseas Market Workshop to Thailand” งานจับคู่ธุรกิจ ที่จะมีบริษัทสิงคโปร์กว่า 20 แห่งเข้ามาให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายกิจการในไทย รวมถึงการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ระบบการเงิน และโอกาสในการระดมทุน
SRBF 2025 ครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายทางการค้าที่สำคัญของไทยและเพื่อนบ้านในเอเชีย ที่จะร่วมผนึกกำลังเพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจร่วมกัน เพราะเม็ดเงินจากต่างประเทศถือเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างฐานเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ติดตามข่าวสารด้าน Sustainability ได้ที่นี่ https://www.thairath.co.th/money/sustainability
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney