เปิดเบื้องหลัง ทำไมโดนัลด์ ทรัมป์ ถึงเลือกที่จะมาหนุนตลาดคริปโตฯ ทั้งที่ในสมัยแรกของการรับตำแหน่งประธานาธิบดียังเคยเรียกคริปโตฯ ว่าเป็นสแกม และเมื่อเลือกที่จะผลักดันด้านนี้แล้ว โลก ประเทศ และตัวทรัมป์เองได้อะไรบ้างจากความเปลี่ยนแปลงที่เขาสร้างขึ้น
ย้อนกลับไปในปี 2021 หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในสมัยแรก เขาเคยออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “Bitcoin ดูเหมือนจะเป็นสแกมเลยนะ” และยังเคยพูดไว้อีกด้วยว่า “มูลค่าของคริปโตฯ มันมาจากอากาศ” หรือกล่าวง่าย ๆ คืออยู่ ๆ คริปโตฯ มันก็เกิดขึ้นมาโดยไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมารองรับ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับขึ้นมารับตำแหน่งอีกครั้งเมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมา และก็ได้เดินหน้าลงนามในคำสั่งบริหารหลายฉบับ ซึ่งรวมถึงคำสั่งสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี แถมยังขยายการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในรัฐบาล ตลอดจนลงนามปั้นกฎหมายที่ทำให้ Stablecoin มีสถานะถูกต้องตามกฎหมายด้วย
และนับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่ง ราคาของ Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ มูลค่าทะลุ 124,457.12 ดอลลาร์สหรัฐ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นช่วงก่อนหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนที่ได้เปิดตัวคอลเลกชัน Non-Fungible Token หรือ NFT ทั้งหมด 4 ชุด ซึ่งเป็นช่วงที่งานศิลปะดิจิทัลนี้กำลังได้รับความนิยมสูงมาก โดยทรัมป์เลือกที่จะทำ NFT เป็นภาพตัวเองในลักษณะฮีโร่ออกมาหลายรูปแบบ
จนมาถึงช่วงหาเสียงเลือกตั้งในปี 2024 ทรัมป์ก็เดินหน้าประกาศเต็มที่เลยว่าตัวเองจะเป็น “ประธานาธิบดี Pro-Bitcoin” ก็คือจะสนับสนุนด้านคริปโตฯ เต็มที่ และกล่าวชัดเจนว่าเขาต้องการจะ “ทำให้อเมริกาเป็นศูนย์กลางคริปโตฯ และมหาอำนาจ Bitcoin โลก” พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า “คริปโตฯ จะเป็นอนาคตอำนาจในการแข่งขันใหม่ของสหรัฐอเมริกา”
ทำให้ช่วงหาเสียงเลือกตั้งนั้น ฝั่งผู้ที่สนใจและให้การสนับสนุนคริปโตฯ อยู่แล้วก็เลยย่อมทุ่มเงินทุนมหาศาลช่วยแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งนั่นก็รวมถึงมหาเศรษฐีแนวหน้าของโลก อย่าง อีลอน มัสก์ ที่ได้บริจาคเงินกว่า 239 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับ America PAC คณะกรรมการการเมืองขนาดใหญ่ที่หนุนหลังทรัมป์ ขณะที่นักลงทุนชื่อดัง มาร์ก อันเดรีสเซน และเบน โฮโรวิทซ์ ที่มีกองทุนลงในโปรเจกต์คริปโตฯ ต่าง ๆ ก็บริจาคเงินอีกคนละกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับ Right for America ซึ่งเป็น Super-PAC ที่สนับสนุนทรัมป์เช่นกัน
นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรมคริปโตฯ ยังทุ่มเงินให้อีกกว่า 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่ทุ่มเงินผ่าน Fairshake PAC เพื่อสนับสนุนผู้สมัครในสภาคองเกรสในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และส่วนใหญ่ก็ชนะการเลือกตั้งด้วย
จนต่อมาหลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 แล้ว ก็ยังมีการสนับสนุนด้านนี้ดำเนินต่อไม่หยุด โดยในเดือนสิงหาคมได้มีการบริจาค Bitcoin มูลค่า 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับ Digital Freedom Fund PAC เพื่อช่วยให้ทรัมป์ขยายวาระการผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัลต่อไป
และครอบครัวของทรัมป์เอง ก็ยังได้รับประโยชน์จากการหนุนคริปโตฯ ในครั้งนี้ด้วย จนถึงขั้นที่เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกจากแมสซาชูเซตส์ ได้ออกมาวิจารณ์ว่ากฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่ว่าจะ “เร่งให้เกิดการคอร์รัปชันของโดนัลด์ ทรัมป์”
ปัจจุบันทั้งโดนัลด์ ทรัมป์เองและคนอื่น ๆ ในครอบครัว กำลังอยู่ในช่วงโปรโมทและหาผลประโยชน์จาก World Liberty Financial โปรเจกต์ด้านคริปโตฯ ของครอบครัวนี้ที่ตอนนี้ได้ออก Stablecoin ของตัวเองออกมาในชื่อ USD1 และยังได้ออก Governance Token ในชื่อ WLFI
นอกจากจะได้รับรายได้จากโปรเจกต์ World Liberty Financial แล้ว บริษัทที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวทรัมป์ยังถือครองโทเคน WLFI อยู่มากถึง 22,500 ล้านโทเคน และแม้ว่าโทเคนเหล่านี้จะไม่สามารถซื้อขายได้ แต่จากข้อมูลของ Bloomberg พบว่า ณ วันที่ 4 กันยายน โทเคนนี้มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: บิตคอยน์ทำให้ลูกชายทรัมป์เป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน หลังพาบริษัทขุดคริปโตฯ เข้าตลาดหุ้น
นอกจากนี้ ครอบครัวของทรัมป์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจขุด Bitcoin ที่ชื่อ American Bitcoin รวมไปถึงกองทุนคริปโตฯ ที่ซื้อขายในตลาด (Exchange-Traded Funds: ETFs) และแม้แต่บริษัทคริปโตฯ ที่ทำหน้าที่เป็นคลังสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อ ALT5 Sigma ซึ่งบันทึกโทเคน WLFI ไว้ในงบดุลของบริษัทด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวทรัมป์เองก็เคยโปรโมทเหรียญมีม (Memecoin) ในชื่อ $Trump จนได้รับแรงสนับสนุนจากแฟน ๆ โดยเขาโปรโมทเหรียญนี้ก่อนเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมไม่กี่วัน และต่อมาในเดือนพฤษภาคม ทรัมป์ยังได้เข้าร่วมงานดินเนอร์สำหรับผู้ถือเหรียญ $Trump อีกด้วย
การเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์และกระแสกฎหมายที่สนับสนุนคริปโตฯ ที่ได้ผลักดันมาต่อเนื่อง ได้สร้างแรงกระตุ้นให้สถาบันการเงินกระแสหลักเริ่มยอมรับในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุนมากขึ้น
ที่ผ่านมา นอกจากการหนุนกฎหมาย ทำให้กฎระเบียบต่าง ๆ ผ่อนคลายลง ทรัมป์ยังได้เปิดให้แผนบำนาญ 401(k) สามารถลงทุนในคริปโตฯ ได้ และจนถึงต้นเดือนกันยายนปีนี้มีเงินลงทุนราว 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไหลเข้าสู่กองทุน ETF ของ Bitcoin ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ แล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ทรัมป์ลงนาม เปิดให้ลงทุน Private Equity-คริปโตฯ กระจายพอร์ต 9 ล้านล้าน หวังผลตอบแทนสูงขึ้น
และหากมองย้อนกลับไป ในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้มีการดำเนินคดีบังคับใช้กฎหมายกับบริษัทคริปโตฯ ใหญ่ ๆ อย่างเช่น Binance และ Coinbase แต่หลายคดีก็ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเมื่อทรัมป์เข้ามารับตำแหน่ง
โดยทรัมป์ได้แต่งตั้งบุคคลที่มีท่าทีสนับสนุนวงการคริปโตฯ ให้เป็นหัวหน้าหน่วยงานรัฐต่าง ๆ โดยมี พอล แอตกินส์ ประธาน SEC คนใหม่ แสดงออกชัดเจนว่าเขาสนับสนุนคริปโตฯ และทั้ง SEC รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ก็กำลังทำงานร่วมกับบริษัทคริปโตฯ เพื่อปรับแนวทางกฎเกณฑ์ให้เหมาะกับความต้องการของอุตสาหกรรม ตลอดจนแต่งตั้ง เดวิด แซคส์ ขึ้นเป็น AI and Crypto Czar เพื่อช่วยพัฒนา 2 ด้านนี้โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่เรียกตัวเองว่า Digital-Asset Treasury Companies ก่อตั้งขึ้นมากกว่า 100 แห่ง เพื่อซื้อและถือครองเหรียญดิจิทัลในงบดุล หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินภายใต้รัฐบาลทรัมป์ประกาศว่า คริปโตฯ ส่วนใหญ่ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ (Securities) ที่อยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด
ปัจจัยทั้งหมดนี้ช่วยผลักดันให้คริปโตฯ หลายตัวทำสถิติสูงสุดใหม่ โดย Bitcoin ซึ่งเป็นโทเคนดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 65% ตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้งจนถึงกลางเดือนสิงหาคม
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: เปิด 3 ปัจจัย ทำไม Bitcoin พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่?
และแผนงานถัดไปคือ Clarity Act ที่กำลังพิจารณาในสภาคองเกรส กฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้กฎระเบียบเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (Digital Commodities) ชัดเจนขึ้น ลดความไม่แน่นอนด้านกฎเกณฑ์สำหรับคริปโตฯ ที่ไม่ใช่ Bitcoin และ Ether และทำให้สถาบันการเงินสามารถยอมรับการลงทุนในคริปโตฯ ได้ง่ายขึ้น
ที่มา: Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney