AIS วางโซลูชันสำหรับธุรกิจ หนุนวางโครงข่าย 5G ในภาคตะวันออก หรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นพื้นที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยครั้งนี้ได้จับมือกับทั้งภาคท่องเที่ยวอย่าง ONE Chi-Chan (วันชีจรรย์) และกลุ่มอุตสาหกรรมอย่าง AMATA เพื่อพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจแบบบูรณาการด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันไป
ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในเวทีโลก “ภาคตะวันออก” หรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย โดย AIS คือหนึ่งในผู้เล่นที่เข้าไปวางโซลูชัน พัฒนาโครงข่าย 5G ที่เปรียบดั่ง “ชีพจรดิจิทัล” ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไล่ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรมไปจนถึงภาคการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์
พื้นที่ภาคตะวันออกประกอบด้วย 8 จังหวัด ถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย โดยมีกลไกขับเคลื่อนหลัก 2 ส่วน คือ ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC และภาคการท่องเที่ยวซึ่งมีจังหวัดชลบุรีเป็นศูนย์กลางสร้างรายได้กว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี โดย AIS ได้ระบุถึงแผนการสนับสนุนทั้งสองส่วน โดยหนึ่งในนั้นคือการติดตั้งเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็จัดสรรโครงข่ายเพื่อรองรับกิจกรรมและการท่องเที่ยวในงานสำคัญต่าง ๆ อย่างเช่น เทศกาลดนตรี และงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยา
ล่าสุด AIS เผยภาพการผนึกกำลังร่วมกับ 2 กลุ่มธุรกิจต่างสไตล์ จับมือ “ONE Chi-Chan” หรือ “วันชีจรรย์” ภายใต้การบริหารของ ตัน ภาสกรนที ที่ตั้งเป้าจะปั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในฐานะพัทยาพรีเมียม และความร่วมมือกับ “AMATA Corporation” เจ้าของพื้นที่อุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ที่กำลังพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะ
ONE Chi-Chan หรือ วันชีจรรย์ คือเมกะโปรเจกต์ด้านไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวแห่งใหม่ ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ก่อตั้งขึ้นโดย “ตัน ภาสกรนที” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่หันมาลงเล่นในธุรกิจการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยตั้งเป้าให้พื้นที่แห่งนี้เป็น “พัทยา พรีเมียม” (Premium Pattaya) หรือ “โอเอซิสแห่งพัทยา” โดยมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างจากความแออัดของเมืองพัทยาทั่วไป ด้วยจุดเด่นด้านธรรมชาติ, สุขภาพ, ความหรูหรา, และความเป็นส่วนตัว
ความหวังหลักของการสร้าง ONE Chi-Chan คือ การสร้างประสบการณ์หรูหราเหนือระดับ โดยในครบครันทั้งลานคอนเสิร์ตขนาดมหึมาที่รองรับผู้ชมได้ถึง 20,000 คน สถานที่จัดงานแต่งงานและอีเวนต์ ที่พักหลากสไตล์ ไปจนถึงจุดขายด้านสุขภาพอย่างออนเซ็นและสปาที่จะออกแบบมาให้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากที่เคยมีทั่วไป
โครงการนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่มองเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ว่าผู้จัดอีเวนต์และนักท่องเที่ยวเริ่มมองหาสถานที่ใหม่ ๆ ที่มีความพิเศษและไม่ซ้ำใคร และยังเป็นโครงการที่สร้างจากความรักและความสุข (Passion) ไม่ใช่แค่เพื่อธุรกิจ แต่เพื่อสร้างสถานที่ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศและเป็นมรดกที่ยั่งยืน โดยภาพรวมโครงการและวิสัยทัศน์ มีดังนี้
นอกจากนี้ ONE Chi-Chan ยังชูจุดเด่นด้านธรรมชาติและสุขภาพ โดยมีการออกแบบภูมิทัศน์ให้ดูดี มีการปลูกต้นไม้ทั่วทั้งโครงการกว่า 10,000 ต้น โดยเป็นต้นไม้หายากและมีรูปทรงสวยงาม เพื่อสร้างบรรยากาศร่มรื่นและเป็นธรรมชาติ พร้อมกันนี้ยังมีบริการออนเซ็นและสปา โดยมีจุดเด่นสำคัญคือการออกแบบให้ผู้ชายและผู้หญิงสามารถใช้บริการร่วมกันได้ ตอบโจทย์คู่รักและครอบครัว พร้อมด้วยบ่อน้ำแข็ง (Ice Bath) สำหรับการฟื้นฟูร่างกาย
โดยความร่วมมือกับ AIS คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทางตัน ภาสกรนทีมองว่า “ถ้าไม่มีเน็ตเวิร์คที่ดี ทุกอย่างที่เราพูดมาก็จบ” เพราะในอนาคต ONE Chi-Chan ตั้งเป้าจะขยายระบบการให้บริการให้มีระบบอย่างเช่น สแกนใบหน้าเข้างาน การชำระเงินไร้เงินสด ไปจนถึงการสตรีมมิงคอนเสิร์ตผ่านออนไลน์ ซึ่งล้วนต้องพึ่งพาโครงข่ายดิจิทัลที่ไร้รอยต่อ
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS กล่าวว่า “AIS ให้ความสำคัญกับ Network และเราตั้งใจที่จะพัฒนาเครือข่ายให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับทุก ๆ อุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ซึ่งก็รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทางผู้พัฒนา ONE Chi-Chan เองก็มีวิสัยทัศน์เดียวกันที่จะสร้างพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ ทางเราก็มุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งในระดับพื้นที่และเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยเราจะเข้าไปในทุก ๆ ที่และร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไป”
AMATA Corporation ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 50 ปี ปัจจุบันได้วางแนวทางการพัฒนาโครงการในฐานะ City Developer แทนที่จะเป็นเพียงผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ซึ่งตอนนี้ในเขตของอมตะมีโรงงานในพื้นที่กว่า 1,600 แห่ง บนที่ดินรวมในประเทศไทยกว่า 60,000 ไร่ โดยโครงการของอมตะประกอบด้วยระบบนิเวศที่รองรับที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล และชุมชน สำหรับประชาชนกว่า 200,000 ชีวิต และมีการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ทั้งเวียดนามและลาวอีกด้วย
และเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อมตะได้ร่วมมือกับ AIS จัดตั้งบริษัท อมตะ เน็ตเวิร์ค จำกัด (AMATA Network) ขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการโครงข่ายการสื่อสารทั้งหมดภายในโครงการ
สมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ เน็ตเวอร์ค จำกัด กล่าวว่า “AMATA Network คือความร่วมมือระหว่าง AIS และอมตะ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความซับซ้อนและคุณภาพที่ไม่สม่ำเสมอจากการมีผู้ให้บริการเครือข่ายหลายรายในนิคมอุตสาหกรรม โดยให้ AIS เข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการโครงข่ายสื่อสารทั้งหมด ทำหน้าที่เหมือนเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Utility) ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ไม่ต่างจากไฟฟ้าหรือประปา โดยมีเป้าหมายคือการวางระบบสื่อสารไปรอที่หน้าโรงงานของลูกค้า เพื่อให้ทุกพื้นที่ในนิคมฯ มีความพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อได้ทันที”
โดยมีข้อตกลงระดับการให้บริการที่สำคัญคือ การรับประกันความเสถียรของโครงข่ายไฟเบอร์ที่ 99.99% และกำหนดให้ทีมงานต้องสามารถเข้าให้บริการหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้ภายใน 4 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญสำหรับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการความต่อเนื่องในการดำเนินงาน
วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคนิควิศวกรรม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ อมตะ กล่าวว่า “นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามา เขาต้องการเริ่มการผลิตให้ได้ภายใน 7 เดือน ดังนั้นทุกอย่างต้องเร็วและพร้อม ความรวดเร็วและเชื่อถือได้ของเครือข่ายจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลงทุน ด้วยความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับ AIS นี้เอง ทำให้อมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นพื้นที่แห่งแรก ๆ ในจังหวัดที่ได้ใช้เทคโนโลยี 5G”
ความร่วมมือในการวางโครงข่ายนี้ ได้นำไปสู่การใช้งานจริงในหลายกรณีภายในอมตะ ยกตัวอย่างเช่น
โดยสรุปแล้ว การร่วมมือของทั้งสามองค์กรสะท้อนถึงการพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจแบบบูรณาการในพื้นที่ EEC โดยจะให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ AIS จัดเตรียมไว้นั้น ทำหน้าที่เป็นแกนกลางที่รองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ภาคการผลิตที่ต้องการความแม่นยำและเสถียรภาพสูงสุด ไปจนถึงภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ดิจิทัลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney