จับตา ROCTEC หลัง BTS เข้าถือหุ้น มั่นใจดันธุรกิจโตระดับเลข 2 หลักต่อปี ต่อเนื่องอีก 5 ปีข้างหน้า

Tech & Innovation

Tech Companies

Content Partnership

Content Partnership

Tag

จับตา ROCTEC หลัง BTS เข้าถือหุ้น มั่นใจดันธุรกิจโตระดับเลข 2 หลักต่อปี ต่อเนื่องอีก 5 ปีข้างหน้า

Date Time: 12 ธ.ค. 2567 18:00 น.
Content Partnership

Summary

  • จับตา บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC หลัง กลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เข้าถือหุ้น และโอกาสทางธุรกิจในเมืองไทย มั่นใจดันธุรกิจโตระดับเลข 2 หลักต่อปี ต่อเนื่องอีก 5 ปีข้างหน้า

เป็นประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากสำหรับการจัดทัพธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ที่ปรับโครงสร้างบริษัทลูกให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต

โดยหนึ่งในการปรับโครงสร้างที่ถูกจับตาเป็นอย่างมาก คือ การเข้าถือหุ้นบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ ROCTEC เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 63% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้ว ส่งผลให้ ROCTEC กลายเป็นบริษัทย่อยของ BTS อย่างเต็มตัว โดย ROCTEC เป็นผู้ให้บริการไอซีที (ICT Solutions) ด้วยประสบการณ์เกือบ 40 ปี โดยก่อตั้งขึ้นในฮ่องกง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในระบบสื่อสาร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการขนส่ง นอกจากนี้ ยังมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมายในฮ่องกงและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และเครือข่ายรวมของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อถึงกัน (IoT) มาใช้ในการพัฒนาการให้บริการให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น การเข้ามาถือหุ้นของ BTS จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างประโยชน์ให้กับ ROCTEC ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะการขยายธุรกิจในประเทศไทย

คุณเว่ย แซม แลม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ Thairath Money ว่า ROCTEC ดำเนินธุรกิจมายาวนานและประสบความสำเร็จอย่างมากในฮ่องกง หนึ่งในเมืองผู้นำด้านเทคโนโลยีของเอเชีย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลและเอกชนรายใหญ่ที่ใช้บริการมายาวนาน

“จุดเริ่มต้นของ ROCTEC เราทำธุรกิจมายาวนานเกือบ 40 ปี โดยที่ผ่านมาเรามีการเติบโตที่ดีมากในด้าน ICT Solutions และได้รับความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานรัฐบาลและเอกชนในหลายอุตสาหกรรม เพราะเราสามารถให้บริการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าได้”

คุณแลมได้เล่าจุดเริ่มต้นของการให้บริการรถไฟฟ้าในฮ่องกง ว่า ROCTEC เริ่มให้บริการกับ The Mass Transit Railway (MTR) เมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยไปติดตั้งไฟเบอร์ออฟติกและระบบการสื่อสารของรถไฟ หลังจากนั้นได้พัฒนาด้านเครือข่ายข้อมูล (Data Network Solutions) การบริการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security Solutions) และสมาร์ทโซลูชัน (Smart Solutions) เพื่อพัฒนาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และบริการแก่ผู้โดยสาร

เราใช้ AI Big Data และ IoT เข้ามามีบทบาทในการทำงาน ทางบริษัทได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้

การประสบความสำเร็จในฮ่องกง คุณแลม มองว่า มาจากปัจจัยหลัก 3 ประการ คือ “ประสบการณ์ บุคลากร และทีมวิจัยและพัฒนาภายใน (in-house R&D)”

ประการแรก คือ เรามีประสบการณ์มากกว่า 40 ปีในธุรกิจบริการไอซีที ทำให้ได้พบเจอความท้าทายที่หลากหลายแบบจากโครงการต่างๆ ซึ่งเราก็สามารถหาทางออกให้กับลูกค้าได้

ประการที่สอง คือ ทีมบุคลากรที่แข็งแกร่ง ทั้งผู้บริหารและทีมเทคนิค ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถส่งมอบโครงการให้ตรงกับความต้องการลูกค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ได้ทำงานกับบริษัทยาวนานถึง 10-20 ปี

และสุดท้ายคือ ทีมวิจัยและพัฒนาภายใน (in-house R&D) ที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจงแก่ลูกค้าได้ เช่น เครื่องจำลองการขับขี่รถไฟ เพื่อให้ผู้ประกอบการรถไฟในฮ่องกงสามารถใช้เครื่องมือในการจำลองการฝึกอบรม และช่วยปรับปรุงความปลอดภัยผู้โดยสาร

นอกจากนั้น ทางบริษัทยังได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสร้างเครื่องจำลองการขับรถสำหรับตำรวจฮ่องกงเพื่อฝึกอบรมตำรวจ ไปจนถึงการพัฒนาตู้ไปรษณีย์อัตโนมัติเพื่อทำให้ระบบการส่งไปรษณีย์เป็นไปอย่างสะดวกง่ายดายมากขึ้น

“ข้อดีของการมีทีม R&D ของตัวเอง ทำให้เราควบคุมต้นทุนตลอดจนคุณภาพได้ดี ซึ่งจะช่วยให้เรามีโอกาสชนะการประมูลมากขึ้น และเมื่อลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา เมื่อเขาต้องการอัปเดตระบบหรือทำเวอร์ชันใหม่ก็ต้องกลับมาหาเราด้วย เหมือนเป็นการรับประกันรายได้ของเราในอนาคตได้เป็นอย่างดี”

โอกาสเติบโตของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ROCTEC ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในฮ่องกง เนื่องจากประเทศกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้บริการไอซีทีจำนวนมาก โดยเราอยู่ในจุดที่ดีที่จะคว้าโอกาสเหล่านั้น เช่น โอกาสการเข้าไปพัฒนาส่วนต่อขยายใหม่ของรถไฟและสถานีของ MTR เนื่องจากเราเป็นผู้ให้บริการระบบสื่อสารของเส้นทางปัจจุบัน จึงต้องมีการเชื่อมต่อระบบกับสายใหม่ เช่นเดียวกับสนามบินฮ่องกงที่มีแผนจะพัฒนาบริการแก่ผู้โดยสารอีกมากมายในอนาคต ซึ่งเราก็เป็นผู้ให้บริการระบบใหม่บางอย่างอยู่ด้วย

ROCTEC ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นในตลาดฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม และมาเก๊า โดยใช้ความสำเร็จในโครงการที่ฮ่องกงเป็นตัวอย่างในการดึงดูดลูกค้าในตลาดใหม่ โดยประเทศไทยเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญก่อนที่จะขยายบริการไปยังประเทศอื่นในอนาคต

ในประเทศไทย ROCTEC มีการให้บริการในธุรกิจงานสื่อประชาสัมพันธ์ดิจิทัล (Digital Display Solutions) ที่มีจอแสดงผลมากกว่า 20,000 จอทั่วประเทศ และยังเป็นผู้ให้บริการระบบสื่อสาร อาทิ สถานีรถไฟฟ้า BTS สีเขียว รถไฟฟ้าสายสีชมพู และบริการ WiFi รวมถึงกล้อง CCTV ทำให้ ROCTEC ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่ในไทย แม้ว่างานในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่ม BTS แต่บริษัทก็ไม่หยุดที่จะแสวงหาโอกาสงานนอกกลุ่มอีกด้วย


BTS ถือหุ้นช่วยสร้างโอกาสครั้งยิ่งใหญ่

คุณแลม มองว่า สำหรับการเข้ามาถือหุ้นโดยตรงของกลุ่ม BTS ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท โดยกลุ่ม BTS ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ROCTEC โดยถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 63% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้ว ทำให้ ROCTEC กลายเป็นบริษัทลูกของ BTS อย่างเต็มตัว การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการเงินและความเชื่อมั่นให้กับ ROCTEC

“การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม BTS เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้น ทำให้มีโอกาสได้รับงานใหม่ๆ พร้อมทั้งแรงสนับสนุนด้านการเงิน และในระยะยาวบริษัทจะเป็นผู้ให้บริการไอซีทีหลักแก่กลุ่ม BTS ได้” CEO ของ ROCTEC กล่าว

BTS เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของเมืองไทยที่ต้องการขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้น ROCTEC มีโอกาสที่จะเติบโตไปกับกลุ่ม BTS ด้วย เช่น โครงการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่ BTS จะเข้าไปดำเนินธุรกิจ ก็เป็นโอกาสที่ ROCTEC จะเข้าไปด้วยเช่นกัน

สำหรับการเติบโตที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง 8 ปีที่ผ่านมา และเริ่มพลิกกลับมามีผลกำไรในปี 2564/65 ทำให้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ในรอบ 4 ปี โดยในช่วงครึ่งปีแรก (เม.ย.- ก.ย. ปี 2567) ของปี 2567/68 มีรายได้ 1,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 154 ล้านบาท เติบโต 56%

ด้วยทิศทางการเติบโตดังกล่าว ทางคุณเว่ย แซม แลม มองว่า เป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงอนาคตที่สดใสของ ROCTEC บวกกับปัจจัยภายนอกและเทรนด์ในปัจจุบัน เช่น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และ AI ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทำให้เชื่อว่า บริษัทสามารถสร้างการเติบโตเป็นเปอร์เซ็นต์สัดส่วนสูงถึงระดับ 2 หลักต่อปี ต่อเนื่องอีก 5 ปีข้างหน้า โดย 90% ของสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจ ICT


Author

Content Partnership

Content Partnership