ทำความรู้จัก WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะ นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ที่ออกแบบมาเพื่อให้คนมีชีวิตดีและยืนยาวขึ้น จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ต้องการให้คนออกกำลังกายหนัก แต่อยากให้รู้ว่าควรออกแค่ไหน จนกลายเป็นผู้ที่กุมข้อมูลสุขภาพมหาศาลไว้ในมือ
ถ้าพูดถึง Wearable Devices หรืออุปกรณ์อัจฉริยะที่เราสามารถสวมใส่ได้บนร่างกาย ภาพที่ขึ้นมาในหัวแน่ ๆ ก็คงมี Smartwatch นาฬิกาอัจฉริยะ ไม่ก็ Fitness Trackers หรือเครื่องติดตามการออกกำลังกายของเรา และเชื่อว่าหลายคนกำลังมองหาเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ทั้งสองรูปแบบนี้ในเครื่องเดียวกัน
แต่มีอีกหนึ่งแบรนด์ที่ออกแบบมาให้ฉีกกฎของ Wearable Tech แทบจะทุกอย่าง คือ ไม่มีจอ มาในสไตล์มินิมอล ไม่มีแจ้งเตือนรบกวนบนร่างกายตอนที่ไม่ต้องการ ไม่มีเสียง เป็นแค่แถบรัดข้อมือเท่ ๆ ที่สามารถวิเคราะห์สุขภาพและร่างกายของผู้สวมใส่ได้ไม่ใช่แค่การออกกำลังกาย แต่ดูได้ถึงระดับความเครียด การนอน และยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกออกมา เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจร่างกายของตัวเอง พร้อมแนะแนวทางในการใช้ร่างกายที่เหมาะสมได้อีกด้วย
นวัตกรรมชิ้นนี้ คือ “WHOOP” สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่กำลังเป็นที่นิยม เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพที่ปัจจุบันกำลังครอบครองข้อมูลสุขภาพของผู้คนทั่วโลก เก็บ Data เป็นข้อมูลเฉพาะตัวบุคคลเชิงลึกตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยเฉพาะข้อมูลทางกายภาพ (Biometric Data) และนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ “ปลดล็อกสมรรถนะของตัวเองและมีสุขภาพดีอย่างยืนยาว”
Thairath Money จะพาไปทำความเข้าใจเบื้องลึกว่า WHOOP คืออะไร ทำงานยังไง มีต้นกำเนิดมาจากไหน ทำไมถึงเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต และมีกลยุทธ์อะไรที่น่าสนใจจนถึงขั้นที่ทำให้นักกีฬา ตลอดจนคนดังระดับโลกหลายคนเลือกใช้งาน
WHOOP คือ สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ที่จะคอยติดตามข้อมูลทางสรีรวิทยา อย่างเช่น การฟื้นตัว ความเหนื่อยล้า การนอนหลับ และความเครียด โดยมาพร้อมกับระบบ Subscription จ่ายเป็นรายปีเพื่อเข้าถึงข้อมูลการวิเคราะห์ร่างกายของเรา
WHOOP ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสวมใส่ได้ตลอดเวลา ลักษณะเป็นสายรัดข้อมือแบบมินิมอล ไม่มีหน้าจอ จะมีเพียงเซ็นเซอร์ตรงสายรัดไว้คอยตรวจดูข้อมูลทางร่างกายของผู้สวมใส่ โดย WHOOP มีฟีเจอร์ที่โดดเด่น ได้แก่
โดยระบบสมาชิกของ WHOOP จะมีให้เลือกทั้งสิ้น 4 แบบ มีหลากหลายตั้งแต่ระดับทดลองใช้ 1 เดือน ไปจนถึงเป้าหมายใช้งานตลอดชีวิต ซึ่งทุกรูปแบบจะมีการส่งอุปกรณ์ที่เป็นสายรัดข้อมือ ปัจจุบันจะเป็นรุ่น WHOOP 5.0 และตัวชาร์จให้ แต่การวิเคราะห์ข้อมูลจะมีแตกต่างกันไปตามโมเดลที่เราสนใจ โดยมีให้เลือก ได้แก่
ทั้งนี้ อุปกรณ์ทุกอย่างจะมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน ถ้าผู้ใช้ต้องการจะอัพเกรดทำได้เพียงจ่ายส่วนต่างเพิ่มระบบก็จะอัพเดตให้ทันที (และหากอัพเกรดเป็น LIFE ก็จะมีการส่งอุปกรณ์ MG Device ไปให้) แต่หากต้องการจะลดเกรดลงมา เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามแผนแรกที่เลือกไว้ ระบบก็จะลดเกรดให้อัตโนมัติ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือคืนอุปกรณ์ใดใดเลย
และนอกจากสายรัดข้อมือแล้ว WHOOP ยังมี WHOOP Body Smart Apparel มีเสื้อผ้าในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งบรา ชุดชั้นใน กางเกงขาสั้น หรือแม้กระทั่งชุดว่ายน้ำ ที่ผู้ใช้สามารถถอดเซ็นเซอร์ออกมา และติดตัวในนำแหน่งอื่น ๆ บนเสื้อผ้าของ WHOOP เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใส่ไว้บนข้อมือ ใช้งานทั้งตอนออกกำลังกาย นอนหลับ หรือออกงาน
เส้นทางของ WHOOP เริ่มต้นมาจาก Will Ahmed ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของแบรนด์ โดย Will ได้ค้นพบว่าตัวเองที่เป็นกัปตันของทีมกีฬาสควอช (Squash) ของมหาวิยาลัยฮาร์วาร์ดนั้นมีภาวะออกกำลังกายหนักเกินไป (Overtrain) มีผลมากจากการกดดันตัวเองตอนได้รับตำแหน่งกัปตันทีม ซึ่งการเทรนหนักเกินไปส่งผลเสียต่อร่างกาย
เลยเป็นต้นตอให้ Will Ahmed ต้องการที่จะศึกษาร่างกายของตัวเอง ต้องการที่จะติดตามผลการฝึก การออกกำลังกาย การนอน ความเครียด ไปจนถึงการกิน แต่เทคโนโลยีในช่วงนั้นยังไม่ครอบคลุมที่จะติดตามข้อมูลได้ครบขนาดนั้น
“ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรกับร่างหายตัวเองบ้างเวลาที่ซ้อม เชื่อว่านักกีฬาหลายคนเป็น บ้างก็ฝึกหนักเกิน บ้างก็ฝึกน้อยเกิน ไม่ก็ไม่รู้ว่าจุดที่เหมาะสมของตัวเองอยู่ตรงไหน และไม่เข้าใจถึงความสำคัญของการพักฟื้นร่างกายหรือการนอนหลับ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้น” Will Ahmed กล่าวในรายการพอดแคสต์ของ WHOOP
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Will ก็เริ่มศึกษาอย่างจริงจังทั้งในด้านสรีรวิทยา ศึกษาข้อมูลทางการแพทย์ จนในปี 2012 ก็ได้มีการเปิดตัวแบรนด์ WHOOP ออกมาครั้งแรก เป็นอุปกรณ์สวมข้อมืออัจฉริยะที่ให้บริการผ่านระบบสมาชิก จนในปี 2024 ที่ WHOOP มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีลูกค้าผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอยู่ทั่วโลก และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลทางทางกายภาพของบุคคลได้มากกว่า 50,000 ล้านจุดต่อวัน
ความสำเร็จในระดับนี้มีผลมาจากการกลยุทธ์การตลาดสุดชาญฉลาดของแบรนด์ โดย WHOOP เริ่มต้นจากการทำแคมเปญร่วมกับนักกีฬาระดับโลก เจาะกลุ่มไปที่กีฬาอาชีพ เมื่อผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกออกมาก็มีนักกีฬาอาชีพได้ทดลองใช้ ซึ่งในนั้นก็รวมไปถึง LeBron James, Cristiano Ronaldo, Aryna Sabalenka และ Michael Phelps
นอกจากนี้ WHOOP ยังได้จับมือกับ NFL Players Association สมาคมอเมริกันฟุตบอลของสหรัฐอเมริกา ทำให้นักกีฬา NFL ทุกคนได้ใช้งานอุปกรณ์ของ WHOOP ด้วย จนต่อมาก็ขยายความร่วมมือไปสู่ MLB หรือ Major League Baseball ลีกเบสบอลมืออาชีพที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา และลามไปถึงหน่วยซีลของสหรัฐอเมริกาที่ได้เอา WHOOP ไปใช้งาน ก่อนที่จะเข้าถึงบุคคลทั่วไปมากขึ้นในเวลาต่อมา
“เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่ WHOOP เป็นอุปกรณ์ไฮเอนด์สำหรับนักกีฬา มาตอนนี้ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนจำนวนมากเห็นคุณค่าในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตในแต่ละวัน” Will Ahmed กล่าวในรายการพอดแคสต์ของ WHOOP
การเริ่มต้นที่ดีที่เป็นแต้มต่อในการเติบโตของ WHOOP นั้น ยังได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ ลงไปจนทำให้ WHOOP กลายเป็นเครื่องมือเพื่อดูแลร่างกายที่หลายคนขาดไม่ได้ ยิ่งเมื่อมีเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาก็ยิ่งทำให้ WHOOP ได้เปรียบคู่แข่งไปอีก
WHOOP มีฟีเจอร์อย่าง WHOOP Coach ขับเคลื่อนด้วยโมเดล GPT-4 ของ OpenAI ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็น “Search Engine สำหรับร่างกาย” ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสอบถามข้อมูลสุขภาพต่าง ๆ ของตัวเองได้ และยังได้รับคำแนะนำแบบเฉพาะบุคคลได้แบบเรียลไทม์ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ข้อมูลต่าง ๆ ของร่างกายผู้ใช้งานที่ WHOOP เก็บไปจะถูกนำไปใช้วิเคราะห์ในเชิงลึกในหลายด้าน โดยในวันแรกที่เปิดใช้งาน WHOOP จะเริ่มเก็บข้อมูลทางกายภาพอย่าง การนอน ความเครียด การฟื้นฟูร่างกาย และสุขภาพหัวใจ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถเช็ตข้อมูลเบื้องต้นอย่าง อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ หรือนับก้าวในทันทีที่สวมใส่
การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลของ WHOOP จะดำเนินไปเรื่อย ๆ และจะปลดล็อกฟีเจอร์ Healthspan หรือเช็คอายุสุขภาพร่างกายได้ตอนครบ 21 วัน ซึ่งเป็นช่วงที่อุปกรณ์จะช่วยประเมินอายุร่างกายในเชิงชีวภาพ และชะลออัตราการสูงวัย (Pace of Aging) โดยมีงานวิจัยรองรับ โดยจะช่วยชี้เฉพาะถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่สามารถยืดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตให้อยู่นานขึ้น
และหลังจากนั้นเมื่อครบระยะเวลาราว 1 เดือน WHOOP จะสามารถทำงานได้แม่นยำขึ้น ตามที่ได้ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลของร่างกายผู้ใช้ จะสามารถให้คำแนะนำในเรื่องความเครียดและการนอนหลับ ออกแบบแนวทางการฟื้นฟูร่างกายที่เหมาะกับแต่ละคน ตลอดจนปลดล็อกให้เห็นเทรนด์ที่ควรปฏิบัติตาม เพื่อให้ร่างกายได้พัฒนาต่อเนื่องและเหมาะสม
ปัจจุบันตลาด Healthcare เติบโตขึ้นต่อเนื่อง และยิ่งมี AI เข้ามาก็ยิ่งเร่งให้หลายฝ่ายทุ่มเงินให้กับอุตสาหกรรมนี้ จนมีการประมาณการไว้ว่า มูลค่าตลาด Healthcare ในยุค AI จะมีมูลค่าทะลุ 868,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ส่วนตลาด Wearable Medical Devices จะโตไปจนมีมูลค่ากว่า 168,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 เช่นกัน
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ทั้ง Google, Apple, Microsoft, Facebook และ Amazon ต่างพยายามที่จะนำข้อมูลด้านสุขภาพไปใช้ประโยชน์ จนปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือบิ๊กเทคมากกว่าที่รัฐบาลในหลายประเทศถืออยู่เสียอีก
แล้วข้อมูลสุขภาพสำคัญยังไง? ข้อมูลสุขภาพ นั้นคือ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาวะสุขภาพ ผลลัพธ์การเจริญพันธุ์ สาเหตุการเสียชีวิต และคุณภาพชีวิต จึงเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศด้วย ผ่านการนำไปใช้ในด้านสาธารณสุข พัฒนาและวิจัยยารักษาหรือวิธีการรักษาโรคใหม่ นอกจากนี้ในฝั่งของนักสิทธิมนุษยชนได้ใช้ข้อมูลสุขภาพเหล่านี้เป็นเครื่องมือระบุประชากรเปราะบาง และติดตามความก้าวหน้าของรัฐในการทำให้สิทธิด้านสุขภาพเป็นจริง
สำหรับ WHOOP ที่มีการเก็บข้อมูลแบบตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันนั้น ก็ได้นำข้อได้เปรียบตรงนั้นมาช่วยให้ผู้ใช้สามารถมี Healthspan ที่ยาวขึ้น และยังเป็นการสร้าง Flywheel เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันอีกด้วย
โดยกระบวนการ Flywheel นี้ของ WHOOP มีการทำงานดังต่อไปนี้
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney