Darkstar อากาศยานรบล่องหนในจินตนาการ จากภาพยนตร์ภาคต่อของ Top Gun: Maverick ซึ่งเข้าฉายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 อาจดูสมจริงมากกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้มาก James Taiclet ประธาน และซีอีโอของ Lockheed Martin Corporation ยืนยันว่า แผนกพัฒนาโครงการอากาศยานขั้นสูงในตำนานอย่าง SR72 ของ Skunk Works มีการทำงานร่วมกับผู้ผลิตภาพยนตร์ ด้วยการออกแบบและสร้างเครื่องบินล่องหนความเร็วเหนือเสียงไฮเปอร์โซนิก สำหรับอัตราความเร็วไฮเปอร์โซนิก หรืออัตราเร็วเหนือเสียงขั้นสูง เป็นหนึ่งในอัตราความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วเสียงหลายเท่า ถูกใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา เพื่อที่จะอ้างถึงความเร็วในระดับมัค 5 หรือเร็วกว่านั้น Darkstar ในหนัง มีความคล้ายคลึงกับเครื่องบินขับไล่โจมตีความเร็วเหนือเสียง SR-72 และดูสมจริงมากกว่าจะเป็นเครื่องบินรบในจินตนาการ

รูปร่างตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ทันสมัยของ SR-72 มีปีกขนาดเล็ก หางแฝดแนวตั้งที่ลาดเอียง พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อนวงจรรวมที่ใช้กังหันเทอร์ไบน์ พร้อมด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบแฟน/โลว์บายพาสสองตัว และเครื่องยนต์สแครมเจ็ตอีกสองตัว ออกแบบโดย วิศวกรผู้พัฒนาเครื่องบินต้นแบบของ Lockheed รวบรวมความเชี่ยวชาญเพื่อสร้างเครื่องบินรบล่องหนพร้อมห้องนักบินซึ่งไม่มีทัศนวิสัยข้างหน้า ทำให้ Maverick ต้องพึ่งพาระบบการมองเห็นแบบสังเคราะห์ เพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ด้านหน้าเครื่องบิน ระบบดังกล่าว ส่งตรงมาจาก X-59 QueSST ที่พัฒนาโดย Skunk Works

Darkstar มีรูปทรงตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ทันสมัยของอากาศยานล่องหน โดยมีปีกขนาดเล็กและหางแฝดแนวตั้งที่เอียงรับกับตัวเครื่อง เครื่องบินลำนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ระบบขับเคลื่อนแบบผสมผสานที่ใช้กังหันเทอร์ไบน์ โดยมีเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ต/เทอร์โบแฟน 2 เครื่อง และสแครมเจ็ตอีก 2 เครื่อง เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังจากการปรากฏตัวท่ามกลางไฮไลต์ของงานแอร์โชว์ที่ Edwards AFB ในปี 2022 Darkstar หายไปอย่างไร้ร่องรอย จนถึงเดือนเมษายนของปีนี้ มีภาพถ่ายดาวเทียมใน Google Earth Pro บันทึกเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 แสดงให้เห็นเครื่องบินลึกลับลำดังกล่าว จอดอยู่นอกโรงเก็บเครื่องบินที่โรงงาน Skunk Works ของ Lockheed ในเมืองปาล์มเดล รัฐแคลิฟอร์เนีย

...

ไม่มีใครรู้ว่าทำไม Darkstar ถึงปรากฏตัวขึ้น เนื่องจากผ่านมาประมาณห้าปีแล้ว หลังจากการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ในระหว่างการถ่ายทำ "Top Gun: Maverick" มีรายงานว่าจีนถูกหลอกให้เชื่อว่าเป็นเครื่องบินทดลองจริง และยังปรับดาวเทียมสอดแนมใหม่เพื่อถ่ายภาพ

รายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับ SR-72 ต้องย้อนกลับไปในปี 2007 เมื่อแหล่งข่าวต่างๆ เปิดเผยว่า Lockheed Martin กำลังพัฒนาเครื่องบินรบที่สามารถบินได้เร็วกว่าเสียงถึงหกเท่า หรือ Mach 6 (4,000 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 6,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 3,500 นอต) สำหรับใช้งานในกองทัพอากาศสหรัฐฯ งานพัฒนาของ Lockheed Martin Skunk Works บน SR-72 ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกโดย Aviation Week & Space Technology เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2013

เพื่อให้บรรลุความเร็วเหนือเสียงระดับไฮเปอร์โซนิก Lockheed Martin ร่วมมือกับ Aerojet Rocketdyne ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เพื่อพิจารณาเครื่องยนต์ที่มีความเหมาะสม โดยพัฒนา HTV-3X ที่ขับเคลื่อนด้วย scramjet ซึ่งถูกยกเลิกไปในปี 2008 สำหรับ SR-72 ถูกจินตนาการด้วยระบบขับเคลื่อนไฮเปอร์โซนิกที่หายใจด้วยอากาศ ซึ่งมีความสามารถในการเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึงมัค 6 โดยใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน ทำให้ Darkstar เร็วกว่า SR-71 ประมาณสองเท่า ความท้าทายทางวิศวกรรมก็คือ การออกแบบเครื่องยนต์ให้ครอบคลุมระบบการบินด้วยความเร็วขั้นยิ่งยวด การใช้กำลังอัดแบบเทอร์ไบน์ เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตสามารถทำงานที่ความเร็วต่ำและมักจะทำงานได้ดีที่สุดที่มัค 2.2 ส่วนเครื่องยนต์ Ramjets ใช้การบีบอัดอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยการเผาไหม้ที่ทำงานได้ไม่ดีนักภายใต้สภาวะ Mach 0.5 หรือที่ความเร็วต่ำ แต่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อความเร็วทะยานผ่าน Mach 3 (3,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และสามารถเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องไปถึงประมาณ Mach 6 (6,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษของ SR-71 ได้แปลงเป็น ramjets ความเร็วต่ำ โดยเปลี่ยนทิศทางกระแสลมไปรอบๆ แกนกลางและเข้าไปใน Afterburner สำหรับความเร็วที่สูงกว่ามัค 2.5 สุดท้าย scramjets ที่มีการเผาไหม้เหนือเสียงครอบคลุมช่วงความเร็วต่ำกว่าเสียง ไปจนถึงความเร็วเหนือเสียง SR-72 คือการใช้ระบบวงจรรวม ใช้เทอร์ไบน์ (TBCC) เครื่องยนต์กังหันเทอร์ไบจะถูกใช้งานที่ความเร็วต่ำ และเครื่องยนต์สแครมเจ็ตจะรับหน้าที่ขับเคลื่อนที่ความเร็วสูง เครื่องยนต์เทอร์ไบน์และเครื่องยนต์แรมเจ็ตใช้ทางเข้าอากาศและหัวฉีดร่วมกัน แต่มีเส้นทางการไหลของอากาศที่แยกจากกัน

ที่ความเร็วมัค 5 ขึ้นไป (5,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การเกิดความร้อนตามหลักอากาศพลศาสตร์ในย่านไฮเปอร์โซนิก จะสร้างอุณหภูมิที่ร้อนพอที่จะละลายเฟรมโลหะทั่วไป ดังนั้น วิศวกรจึงกำลังพิจารณาวัสดุคอมโพสิต เช่น คาร์บอน เซรามิก และโลหะผสมประสิทธิภาพสูง สำหรับการประดิษฐ์ลำตัวของเครื่อง ส่วนประกอบที่สำคัญจากวัสดุผสมดังกล่าว ถูกใช้ในขีปนาวุธข้ามทวีปและกระสวยอวกาศที่เลิกใช้งานแล้ว ในเดือนพฤษภาคม 2015 SR-72 ถูกมองว่าเป็นเครื่องบินสกัดกั้นโจมตี แต่ไม่มีการระบุน้ำหนักบรรทุก น่าจะเป็นเพราะน้ำหนักบรรทุกในปัจจุบัน จะหนักเกินไปสำหรับเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วมัค 6 และมีเพดานบิน (บินสูง) มากถึง 80,000 ฟุต หรือ 24,400 เมตร (สูงจากพื้นดิน 24 กิโลเมตร) ซึ่งต้องใช้ระยะทางกว่าร้อยไมล์ในการที่จะเลี้ยวกลับลำ เซนเซอร์และอาวุธปล่อยแบบใหม่ น่าจะถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อใช้งานในย่านความเร็วดังกล่าว.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/