ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา เผยมีคำสั่งด่วน ตั้ง กก.สอบ “สารวัตร” ปมโทรรีดส่วยร้านอาหารมีดนตรีสดโฟล์คซอง เดือนละ 1,000 บาท ขอค่าตู้แดงให้ลูกน้องอีก 500 บาท แลกกับความสงบ ไม่มีใครมารบกวน แต่เจ้าของร้านไม่ยอมจ่าย กลับถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายปกครอง รวมทั้งตำรวจนำกำลังลงตรวจถี่ยิบ อ้างมาประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ยอมบอกเรื่องอะไร ทำลูกค้าหดหาย ไม่กล้าเข้าร้าน

เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านชอบเจริญ อยุธยา ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหาร นั่งชิลล์ ทุกเมนู 79 บาท และมีดนตรีสดโฟล์คเดี่ยวเล่นช่วงหัวค่ำ ตั้งอยู่ ซอยหมู่บ้านช้างอโยธยา ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยพบกับ น้องนุ่น อายุ 33 ปี หุ้น-ผู้จัดการร้าน เล่าว่า ตนเองกับเพื่อนได้มาเปิดร้านอาหาร ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 ร้านเปิด 17.00-24.00 น. เป็นร้านยำขาย 79 บาท มีดนตรีสดโฟล์คซอง เล่นถึง 21.30 น. ใช้เสียงถึง 23.00 น. และมีการขออนุญาตถูกต้อง มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา

จนกระทั่งช่วงกลางเดือนมกราคม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาตรวจที่ร้าน ขอดูใบอนุญาตในการค้าขาย ซึ่งตนเองก็ให้ดูตามปกติ ซึ่งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้มีชายดังกล่าว ซึ่งอ้างตัวเป็นสารวัตรโทรเข้ามา จากนั้นก็พูดคุยถึงเรื่องการเปิดร้านและเรียกขอเก็บส่วยในราคาเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งตนเองก็มีการพูดคุยต่อรองว่ามีคนร้องเรียนหรือมีอะไร จะให้หนูทำยังไง ซึ่งทางชายดังกล่าวที่อ้างตัวเป็นสารวัตรก็อธิบายตามคลิป โดยให้เหตุผลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาลงนั้น เป็นชุดลูกน้องของตนเอง ซึ่งส่งให้มาลงตรวจ

จากนั้นก็อธิบายว่า หากมีการจ่ายส่วย ก็จะหลีกเลี่ยงหากมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งตนเองจึงพยายามพูดคุยและปรึกษากับเพื่อน จึงให้อัดคลิปและบันทึกเสียงไว้ซึ่ง ตนเองมองว่าร้านของตนเองเป็นร้านอาหารทั่วไป ไม่จำเป็นต้องจ่ายส่วย เพราะมีการอนุญาตค้าขายปกติ จนกระทั่งตนเองและเพื่อนไม่ยินยอมจ่ายเงินให้กับชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตร ก็มักจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจ หน่วยงานของรัฐ เข้ามาตรวจที่ร้านของตนเองบ่อยๆ ซึ่งตนเองมองว่าเป็นลักษณะของการถูกกลั่นแกล้ง เพราะตนเองไม่ยอมจ่ายส่วยซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ พากันมาตรวจที่ร้านของตนเองนั้นไม่ธรรมดา พากันมามากกว่า 20 คน มีทั้งรถตู้ รถกระบะ รวม 5 คัน และเมื่อมาลงตรวจในร้าน ก็นำไฟฉายมาส่องลูกค้า มาขอดูบัตรประชาชนของลูกค้า ซึ่งตนเองมองว่าไม่สมควรและไม่เหมาะสม เนื่องจากร้านเป็นแค่ร้านอาหารธรรมดา ไม่ใช่เป็นผับบาร์ที่จะต้องมาตรวจบัตรประชาชน

...

ด้าน นายพุฒิพงษ์ ยิ้มประเสริฐ อายุ 33 ปี เจ้าของร้าน เผยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันและก็มีการตรวจสอบและยืนยันว่าบุคคลในคลิปเสียงนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ซึ่งท่านผู้กำกับการ สภ. พระนครศรีอยุธยา ก็ทราบเรื่องแล้ว ซึ่งท่านก็ให้ข้อมูลว่ามีคำสั่งด่วน ตั้งกรรมการสอบตำรวจท่านนี้แล้ว แต่หลังจากที่ตนเองได้ไปร้องเรียนก็มีความรู้สึกเหมือนถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ 20-30 นาย มาลงตรวจที่ร้าน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ แต่ไม่มีคำตอบว่ามาประชาสัมพันธ์เรื่องอะไร ซึ่งตนเองมองว่าการประชาสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องนำกำลังมามากมายขนาดนี้ และก็มาขอตรวจสอบบัตรประชาชนของลูกค้าในร้านทำให้ลูกค้าของแตกตื่นและตกใจและไม่กล้ามานั่งที่ร้านอาหารอีก ซึ่งทำให้ช่วงนี้ร้านของตนเอง ลูกค้าหดหายไปเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่มาลงตรวจบ่อยทำให้เป็นการลิดรอนสิทธิ์ลูกค้า จนไม่มีใครอยากมานั่ง เหตุการณ์ดังกล่าวที่ตนเองนำลงไปโพสต์ลงโซเชียล ก็แค่อยากจะถามว่าทำแบบนี้ได้หรอ ร้านตนเองไม่ได้ทำผิดอะไร แต่พอไม่ยอมจ่าย ก็นำกำลังมาตรวจค้นร้านแบบนี้เหรอ

รายงานข่าวแจ้งว่า บางช่วงบางตอนของบทสนทนาผ่าน ชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตร กล่าวว่า คือในส่วนของเมืองทั้งหมด โรงพักนะ มันจะมีพวกนักบิน ที่เป็นหน่วยของผู้การ มีของนู้นนี่นั่นอะไรอีก มันต้องเจอปัญหาอย่างงี้ คือมันเป็นปัญหาโลกแตกของแต่ละร้านที่เปิดร้านเหล้าอยู่แล้ว และไม่ใช่ดูแลเฉพาะพื้นที่ ต้องดูแลหน่วยเฉพาะกิจ หน่วย นปพ. หน่วยเฉพาะกิจผู้การ และบางทีอาจจะมีตำรวจท่องเที่ยวมาแซมด้วย ก็ไปคุยกับเขาเอง

รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า โดยคลิปเสียงที่คุยโทรศัพท์ มีการใช้เวลาคุยกันสักพัก ทางชายที่อ้างตัวเป็นสารวัตร ก็ให้ข้อเสนอขอค่าตู้แดง 500 บาท และของสารวัตร 1,000 บาท ซึ่งปลายสายที่เป็นผู้จัดการร้าน จึงแจ้งว่าเดี๋ยวขอคุยกับเพื่อนก่อน เพราะต้องใช้เงินร้าน