ผกก.สน.ห้วยขวาง เผย ส่งสำนวนคดี “เก่ง ลายพราง" ให้ “สน.สุทธิสาร” ท้องที่เกิดเหตุ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป หลังพบการกระทำที่อาจเข้าข่าย 4 ข้อหา กระทำอนาจาร, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ข่มขืนใจผู้อื่น และข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
กรณี น.ส.ภัทราวดี (สงวนนามสกุล) นักร้องลูกทุ่ง ผู้เสียหาย เข้าลงบันทึกประจำวันกับ ว่าที่ ร.ต.ท. เอกชสิษฐ์ มีสุข รองสว. (สอบสวน) สน.สุทธิสาร อ้างว่าถูกนายปัญญา ยิ้มอำไพ หรือ นายเก่ง ลายพราง อินฟลูเอนเซอร์ มีท่าทีผิดปกติ เกรงว่าจะได้รับอันตราย หลังไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอย รัชดาฯ 7 แขวงและเขต ดินแดง กรุงเทพฯ และถูกชักชวนไปที่บ้าน ก่อนหลบหนีออกมาจากบ้านนายเก่ง แล้วนั่งรถแท็กซี่กลับที่พัก นายเก่งติดตามมาถึงที่พัก จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย กลัวว่านายเก่ง จะเข้าทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน เหตุเกิดช่วงเช้ามืดวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 กันยายน 2568 พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า วานนี้ทางคณะพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนสน.ห้วยขวาง ร่วมกันประชุมพิจารณา จึงมีการลงความเห็นว่าสำนวนคดีนี้ จะต้องอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร จึงได้มีการทำหนังสือไปให้ทาง สน.สุทธิสาร ดำเนินการ สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เหตุเริ่มจากร้านไก่ย่าง รัชดาฯ 7 ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง จากนั้นต่อเนื่องไปยังจุดที่ 2 คือ บ้านนายเก่ง ลายพราง อยู่ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง เช่นกัน หลังจากนั้นผู้เสียหายหนีออกจากบ้านหลังดังกล่าว ขึ้นรถโบลท์ ปรากฏว่านายเก่ง ลายพราง ขึ้นรถติดตามไปที่รถโบลท์ ถึงถนนรัชดาภิเษก และสั่งให้รถโบลท์หยุด ก่อนขึ้นรถโบลท์นั่งไปกับผู้เสียหายจนถึงคอนโดฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ สน.สุทธิสาร โดยจุดดังกล่าวเป็นจุดที่นายเก่ง มีพฤติกรรม ข่มขู่ ตั้งแต่ชั้นล่างคอนโดฯ และ ตามขึ้นไปบนห้องพักผู้เสียหาย จากนั้นผู้เสียหายได้โทรแจ้งตำรวจ 191 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ก็ได้ขึ้นไประงับเหตุเข้าช่วยเหลือ ก่อนจะพาเข้าไปพบกับพนักงานสอบสวนที่ สน.สุทธิสาร
ซึ่งจากการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แบ่งเป็นผู้เสียหาย 1 ปาก และพยานผู้เกี่ยวข้องอีก 4 ปาก พบข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดตั้งแต่ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง ไปจนถึง สน.สุทธิสาร ซึ่งตามกฎหมาย ที่ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 วรรค 2 ข ระบุว่า พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ท้องที่ที่พบการกระทำความผิดก่อน นั่นหมายถึง สน.สุทธิสาร ที่ได้รับแจ้งเหตุ และมีการลงประจำวันไว้ที่ สน.สุทธิสาร เป็นเหตุให้ทาง สน.ห้วยขวาง ต้องส่งสำนวนที่ได้รวบรวมมาทั้งหมดไปให้ทาง สน.สุทธิสาร เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนและสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับพยานหลักฐานที่ สน.ห้วยขวาง รวบรวมไว้ พบการกระทำที่อาจเข้าข่าย 4 ข้อหา ได้แก่ กระทำอนาจาร, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ข่มขืนใจผู้อื่น และข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว อย่างไรก็ตาม การพิจารณาความสมบูรณ์ของสำนวนและความเห็นทางกฎหมายขั้นสุดท้ายจะเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ที่จะพิจารณาว่าต้องมีการสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่
...